วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2565

จูเนียร์ เมขลา สานฝันเด็กไทย บินไกลสู่อเมริกา

 

               สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย แถลงข่าว เปิดตัว “โครงการประกวด จูเนียร์ เมขลา” ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Reborn” เพื่อเฟ้นหาเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ อายุตั้งแต่ 5-16 ปี ทั่วประเทศ ที่มีความสามารถโดดเด่น มีไหวพริบ และ ที่สำคัญต้องมีความเป็นไทย โดยเฉพาะการอ่อนน้อมถ่อมตน อาทิ การไหว้ การยิ้ม และ มารยาทดี โดยแบ่งการแข่งขัน เป็น 3 รุ่น แยกชาย-หญิง ได้แก่ รุ่น MINI JUNIOR GIRL รุ่น JUNIOR GIRL และ รุ่น JUNIOR BOY ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท พร้อมรับประกาศนียบัตร / มงกุฎ /สายสะพาย และ รางวัลพิเศษอื่นๆอีกมากมาย โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบตัดสิน มีสิทธิ์ได้รับเลือกไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

               นายชาตรี ศรียาภัย นายกสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปกติแล้วทางสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย มีแต่งานประกาศรางวัล อาทิ งานรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดีตุ๊กตาทอง,รางวัลเมขลา,รางวัลมณีเมขลา และ รางวัลดาวเมขลา ซึ่งทางสมาคมฯไม่เคยจัดงานประกวดแสดงความสามารถ สำหรับเด็กและเยาวชนมาก่อน ทางสมาคมฯจึงอยากจะเปิดโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถ ฝึกความกล้าแสดงออก การเข้าสังคม และ การสานสัมพันธ์ภายในครอบครัว เพื่อลดปัญหาสังคมก้มหน้า หากคนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน  จึงได้พูดคุยกับ นางสาวทิพยา คชเสนา ประธานฝ่ายปฏิบัติการ ของสมาคมฯ ซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการประกวดเด็กและเยาวชนมากกว่า 10 ปี ซึ่งจะช่วยผลักดันเด็กและเยาวชน ที่มีศักยภาพเข้าสู่วงการบันเทิงไทย จึงเป็นที่มาของโครงการ จูเนียร์ เมขลา 2022

               นางสาวทิพยา คชเสนา ประธานฝ่ายปฎิบัติการและผู้อำนวยการโครงการประกวดจูเนียร์ เมขลา 2022 กล่าวถึง วัตถุประสงค์ของ โครงการ จูเนียร์ เมขลา ว่า

                    1.เป็นเวทีสำหรับเด็กและเยาวชน ที่เปิดกว้างในการแสดงความสามารถพิเศษ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ห่างไกลอบายมุขและสิ่งยั่วยุ

                    2. สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทย กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกตามความถนัดของตนเอง อย่างสร้างสรรค์ และ เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ไปเผยแพร่ ศิลปวัฒนธรรมไทยสู่สากล

                    3.ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนไทย สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย ผ่านโครงการ และ กิจกรรมต่างๆ ของจูเนียร์ เมขลา โดยใช้โซเชี่ยลมีเดีย ทั้ง Facebook ,Ticktock , instagram ในการประชาสัมพันธ์โครงการ ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในยุคดิจิไลฟ์

               สำหรับ โครงการจูเนียร์ เมขลา แบ่งการแข่งขันออกเป็น  3 รุ่น แยกชาย-หญิง ได้แก่ รุ่น MINI JUNIOR GIRL อายุ 5-9 ปี รุ่น JUNIOR GIRL อายุ 10-16 ปี และ รุ่น JUNIOR BOY อายุ 5-16 ปี ซึ่งจะทำให้การแข่งขันมีความเท่าเทียมกัน โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 รอบ รอบแรก คือ รอบ Audition แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ รอบออดิชั่น On stage ในวันที่ 15 ตุลาคม 2565 แสดงความสามารถต่อคณะกรรมการ ภายในเวลาที่กำหนด ส่วน Online ผู้สมัครสามารถส่งคลิปแสดงความสามารถ ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 ตุลาคม 2565  ส่วนรอบตัดสิน จะมีขึ้นในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 ณ แจ้งวัฒนะฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ส่วนเกณฑ์การตัดสินมีดังนี้ 1.บุคลิกภาพ 2. ความสวยงาม 3.ความสามารถ 4.มารยาท 5.ทัศนคติ โดยผู้ที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศของแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

               ครูบิ๊ก-ธานัท ธัญญหาญ ประธานฝ่ายกิจกรรม โครงการ จูเนียร์ เมขลา กล่าวถึง ในส่วนของกิจกรรมการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า เด็กและเยาวชน ที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการ จูเนียร์ เมขลา จะต้องมาฝึกซ้อมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ก่อนเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมงานเลี้ยงรับรอง กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิสในปี 2566  นอกจากนี้ ยังได้ทำหน้าที่ แต่งเนื้อร้องและทำนองเพลง “ให้ฝันพาเราไป” สำหรับโครงการประกวด จูเนียร์ เมขลาด้วย โดยเนื้อหาในเพลงจะเป็นการถ่ายทอด เรื่องราวของเหล่าบรรดานักล่าฝันที่มีความหวัง ว่าสักวันหนึ่งจะก้าวสู่เส้นทางบันเทิงได้สำเร็จ โดยใช้ความสามารถเป็นบันได ฟันฝ่า บททดสอบต่างๆ ซึ่งต้องใช้ทั้ง ความพยายาม ความอดทน และ ความตั้งใจจริง เพื่อพิชิตเส้นทางสู่ดวงดาว ส่วนทำนอง มีจังหวะที่สนุกสนาน และ เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ไม่ลืมรากเหง้าความเป็นไทย ยังได้ใส่เสียงของเครื่องดนตรีไทย อย่างฉิ่ง โทน และ เปิงมาน ลงไปในทำนองช่วงท้ายของเพลง ซึ่งเสียงดนตรีไทยเพาะเสนาะหูและมีความโดดเด่นผสานกับครื่องตรีสากลได้อย่างลงตัว เหมือนการผสมสานระหว่างเด็กรุ่นใหม่เข้ากับศิลปวัฒนธรรมไทย

               ด้าน นายอังกูร ทิมอุบล ประธานฝ่ายปฏิบัติการ โครงการจูเนียร์ เมขลา กล่าวเสริมในเรื่องของการทำ work shop สำหรับเด็กผู้เข้าประกวดว่า ได้วางตัว บุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด เพราะอยู่ในขั้นตอนของการทาบทาม เพื่อมาเป็นวิทยากร สอนเดินแบบพื้นฐานให้กับเด็กและเยาวชนผู้สมัคร เนื่องจากการแข่งขันรอบตัดสิน มีการเดินแบบแฟชั่นผ้าไทย ที่เด็กๆต้องเดินพรีเซ้นท์ชุดด้วย รวมถึงยังมีการสอนแต่งหน้า โดยพี่ขวัญ Dara dairy พร้อมซ้อมร้อง และ เต้น เพลงประจำโครงการ ซึ่งตรงนี้จะมีการบันทึกภาพนิ่ง และ วีดีโอ เปิดตัวผู้สมัครแต่ละคนเพื่อเรียกคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้าน โดยสามารถดาวน์โหลด Application Star Phone ได้ทั้งระบบ ios และ Android กด*6789 กดปุ่มโทรออก คลิกผู้ประกวดที่ท่านต้องการโหวต สำหรับผู้ที่มีคะแนนโหวตสูงสุด 3 อันดับแรก จะ fast track ผ่านช่วงการแข่งขันแฟชั่นผ้าไทย สู่การแสดงความสามารถพิเศษ ในรอบตัดสินเลย

               โดยภายในงานมีเหล่าศิลปิน ดารา  คนดังในแวดวงการบันเทิง รวมถึงเหล่าสปอนเซอร์ ร่วมงานมากมาย อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บจ.เอ็มจี เซลส์, นายศักดิ์สิทธิ์ พฤทธิปถัมภ์ กรรมการผู้จัดการ บจ. เมคอัพเทคนิค อินเตอร์เนชั่นแนล , บมจ.โรแยล พลัส ผู้ผลิตภัณฑ์และจัดจำหน่าย ชานมไข่มุก Mabu Boba,เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ แถมยังได้ จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม มาเป็นพิธีกรในงานแถลงข่าว จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว ,หม่อมหลวงภัทรสุดา กิติยากร CEO สาวแห่ง Mettel Pop Entertainment พร้อมศิลปินในค่าย,  พิม-พิมพ์จิรา เจริญลักษณ์  Miss Grand Bangkok 2023 ควงคู่มาพร้อมทีมบริหาร , ค่าย GYB ENTERTAINMENT  พร้อมนักแสดงซีรีส์วาย “time ผ่านเวลา” (Time The Series) แคมป์-คุณาธิป ตระการจันทร์  , เพชร-ทัตธน เชิดชูมาลัยกิจ , แทน-พิชวัชร์ วิสิฐธรกุล , ภัทร-รัชพล อภิรติกร , บริษัท Inside Entertainment พร้อมนักแสดงในสังกัด ,โอ๊ต-ทศพล กล่ำงิ้ว CEO มงกุฎเพชรเรือนคุณชาย และยังมี เอมี่-น.ส. เอมิกา เศรษฐศิริรัตน แบรนด์แอมบาสเดอร์ จูเนียร์ เมขลา รวมถึง แบรนด์แอมบาสเดอร์ สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย น้องการ์ตูน-ด.ญ.วรดาภา ผ่องโอภาส และ น้องแพม-น.ส.ศิริภัคร นามสกุล นิศากร และ น้องๆสถาบันสอนร้องเพลง MOZARZ ACADEMY รวมถึงตัวแทนผู้สมัคร จูเนียร์ เมขลา 16 คน

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2565

แถลงข่าวยิ่งใหญ่! ONE LUMPINEE เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กับดีลประวัติศาสตร์ที่จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่สู่วงการมวยไทยทั้งระบบ

 

               “วัน แชมเปียนชิพ (ONE)” องค์กรสื่อกีฬาระดับโลก ผนึกกำลัง “สนามมวยเวทีลุมพินี” เปิดประวัติศาสต์หน้าใหม่ให้กับวงการมวยไทย เตรียมระเบิดศึก ONE LUMPINEE ด้วยมาตรฐานโปรดักชันระดับโลก สร้างคอนเทนต์กีฬาในรูปแบบเวิลด์คลาส ยกระดับวงการมวยไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยบิ๊กบอสใหญ่ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” แย้มจัดศึกปฐมฤกษ์มกราคมปีหน้า ในรูปแบบอินเตอร์เนชันแนลไฟต์ ที่รวบรวมศิลปะการต่อสู้อันหลากหลายทั้ง มวยไทย มิกซ์มาเชียลอาร์ต (MMA) คิกบ็อกซิง ฯลฯ ยิงสดมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ผู้ชมมากกว่า 60 ล้านคนในทุกแพลตฟอร์ม

“นายชาตรี ศิษย์ยอดธง”
ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ONE

               เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 “นายชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ONE พร้อมด้วย “พลเอกสุชาติ แดงประไพ” ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) แถลงข่าวประกาศความร่วมมือ เตรียมจัดการแข่งขันมวยไทยโปรดักชันระดับโลกในชื่อศึก “ONE LUMPINEE” ณ สนามมวยเวทีลุมพินี รามอินทรา กรุงเทพ โดยมีเหล่าโปรโมเตอร์ หัวหน้าคณะ ค่ายมวย นักมวยไทย บุคลากรในวงการกีฬาทั้งภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน ตลอดจนแฟนคลับ เดินทางมาร่วมงานกว่า 1,000 คน

               นายชาตรี ศิษย์ยอดธง เปิดเผยว่า “สนามมวยเวทีลุมพินี ถือเป็นสนามมวยอันทรงเกียรติยศสูงสุดแห่งวงการมวยไทยมาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่ให้กำเนิดแชมป์มวยไทย และนักชกระดับตำนานมาแล้วหลายยุคหลายสมัย และนักชกซึ่งเป็นแชมป์โลกของONE หลายคนก็มีความหลังกับสนามมวยแห่งนี้ โดยสนามมวยเวทีลุมพินีมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้กีฬามวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้จริงๆ โดยปลอดการพนัน มีมาตรฐานที่จะก้าวไปสู่ระดับโลกได้ จึงเป็นที่มาของการตอบรับคำเชิญจากกองทัพบกในการรับตำแหน่งโปรโมเตอร์ประจำสนามมวยเวทีลุมพินีในครั้งนี้”

               “ลุมพินีได้รับการยกย่องว่าเป็นเมกกะมวยไทยแห่งหนึ่งของโลก ความร่วมมือกับ ONE ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์ศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมมั่นใจว่าจะสามารถสร้างปรากฎการณ์ใหม่ และช่วยยกระดับมวยไทยไปสู่ระดับโลกได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเราจะนำระบบการจัดการแข่งขันมาตรฐานเวิลด์คลาสของ ONE ที่เป็นสปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ และมีเกณฑ์การตัดสินที่เที่ยงธรรมได้มาตรฐานสากล มาจัดให้แฟน ๆ ได้รับชมกันอย่างจุใจในชื่อศึก ONE LUMPINEE และยังต่อยอดสู่การเป็นคอนเทนต์ระดับโลกที่ช่วยโปรโมตประเทศไทยไปในตัว ถ่ายทอดสดไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ผู้ชมมากกว่า 60 ล้านคนในทุกแพลตฟอร์ม”

               “สำคัญที่สุด เราพร้อมจะให้ค่าตอบแทนที่สูงที่สุดในประเทศไทยแก่นักมวยที่เข้าแข่งขันใน ONE LUMPINEE เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของนักกีฬา พร้อมเปิดกว้างให้ค่ายมวยทุกแห่งทั่วประเทศส่งนักมวยเข้าแข่งขัน หากใครทำผลงานได้ดีก็จะมีโอกาสก้าวเข้ามาเป็นนักกีฬาในสังกัดของ ONE หรือลงแข่งขันชิงแชมป์ในทัวร์นาเมนท์อื่น ๆ ของ ONE ได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังจะมีการจัดอินเตอร์เนชันแนลไฟต์ ที่รวบรวมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ทั้ง มวยไทย มิกซ์มาเชียลอาร์ต (MMA) คิกบ็อกซิง ฯลฯ ทำให้การรับชมกีฬาการต่อสู้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น”

“พลเอกสุชาติ แดงประไพ”
ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี)

               ด้าน พล.อ.สุชาติ แดงประไพ กล่าวว่า “ทางกองทัพบกมีความตั้งใจอย่างมากที่จะยกระดับมวยไทยให้เป็นกีฬาอย่างแท้จริง เราหวังที่จะเห็นมวยไทยซึ่งไม่มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อที่จะผลักดันมวยไทยให้เป็นซอฟท์พาวเวอร์สู่ระดับโลก เราจึงมองหาโปรโมเตอร์ที่จะช่วยสร้างความสำเร็จนี้ให้เกิดขึ้นได้จริง จึงได้เชิญ ONE ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกมาเป็นโปรโมเตอร์จัดศึก ONE LUMPINEE ในครั้งนี้”

               “แฟนๆ จะได้เห็นโปรดักชันดีไซน์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในวงการมวยไทย โดยจะมีการจัดแข่งขันเกิดขึ้นทุกสัปดาห์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาได้ลงแข่งขันอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้นอกจากจะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมมวยไทยแล้ว ยังเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมวงการมวยไทยไปสู่ระดับโลกด้วย”

               “ทีมงานของสนามมวยเวทีลุมพินี และ ONE จะทำงานร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนกรรมการ และทีมงาน ซึ่งจะทำให้ช่วยเพิ่มองค์ความรู้ และประสบการณ์ให้กับบุคลากรในวงการมวยไทยบ้านเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรามีผู้ตัดสินชาวไทยหลายคนที่มีความสามารถและฝีมือดี แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำงานในองค์กรใหญ่ระดับนานาชาติ การเข้ามาของ ONE จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถสู่สายตาชาวโลกได้มากขึ้น และหากทำได้ดีก็มีโอกาสที่จะต่อยอดไปเป็นกรรมการในศึก ONE ได้ต่อไปในอนาคต”

               ทั้งนี้ ONE LUMPINEE จะระเบิดศึกนัดแรกรับศักราชใหม่ในเดือนมกราคม 2566 โดยจะจัดการแข่งขันทุกสัปดาห์ อย่างน้อย 52 ครั้งตลอดปี ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ สนามมวยเวทีลุมพินี เป็นศูนย์กลางของเมกกะมวยไทย ก้าวสู่การเป็นศูนย์รวมของศิลปะการต่อสู้อันหลากหลายในรูปแบบสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์และการท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่สำคัญของไทย

                ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และแฟนเพจ Lumpinee Boxing Stadium

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2565

‘ช็อกโกแลตซีสต์’ ภัยร้ายใกล้ตัวผู้หญิง ปวดท้องน้อยอย่าปล่อยผ่าน

 

               สูตินรีแพทย์ ออกโรงเตือนผู้หญิงไทยเสี่ยงโรค ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ ภัยร้ายใกล้ตัว แนะปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่าน รีบมารักษาก่อนสาย ย้ำรักษาไวหายได้ด้วยยา ไม่ต้องผ่าตัด

               สูตินรีแพทย์ชื่อดัง พันตำรวจโท นายแพทย์อรัณ ไตรตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าของเพจ“อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน” ร่วมวงเสวนา ‘Expert Treat Expert Talk 2022’ ทาง Facebook Live หัวข้อ “ช็อกโกแลตซีสต์ ภัยร้ายใกล้ตัวที่ผู้หญิงควรรู้” โดยมีคุณหยาดพิรุณ ปู่หลุน ดำเนินรายการ

               พันตำรวจโท นพ.อรัณ กล่าวว่า  แฮชแท็ก #ปวดท้องน้อยอย่าปล่อยผ่าน ที่เราต้องการรณรงค์ในวันนี้ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนตระหนัก และสังเกตตัวเองว่ามีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังหรือไม่ เพราะอาจเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตซีสต์ โรคนี้เกิดได้อย่างไรหลายคนๆคงสงสัย เกิดมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกไปอยู่ผิดที่ จากปกติต้องอยู่ในโพรงมดลูก แต่ไปอยู่ในรังไข่ ซึ่งเราเรียกว่า เป็นช็อกโกแลตซีสต์ หากไปอยู่ในเนื้อมดลูกเกิดพังผืดมดลูก ทำให้มดลูกโต เรียกชื่อเฉพาะว่า อะดีโนไมโอซิส (adenomyosis) ซึ่งโรคนี้ถือเป็นภัยเงียบของผู้หญิง เนื่องจากมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งได้ หรือหากปล่อยทิ้งไว้นานช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งมีลักษณะเป็นถุงน้ำรังไข่ จะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และมีโอกาสแตกในท้อง เกิดการตกเลือดในท้อง

               นอกจากนี้เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจไปเกิดในอวัยะอื่นได้ด้วยตั้งแต่หัวจรดเท้า บางรายไปเกิดที่สมอง ตับ ปอด สะดือ หรือลำไส้ ในกรณีเกิดที่ปอด เวลามีประจำเดือนก็จะมีอาการหายใจไม่ออก พบว่าถ้าสะสมจนขนาดใหญ่ขึ้นอาจทำให้ปอดแตกได้ กรณีเกิดที่ลำไส้ ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เพราะการขับอาหารผ่านลำไส้ไม่ดี เป็นต้น

               สำหรับสาเหตุของโรค มาจากการบีบตัวไหลย้อนกลับของประจำเดือนไปอยู่ในบริเวณต่างๆ ทำให้เกิดรอยโรค เกิดเป็นซีสต์ ก้อน ถุงน้ำ หรือที่พังพืด ผู้หญิงจำเป็นต้องสังเกตตัวเอง ซึ่งอาการเด่น ๆของโรคนี้  ได้แก่  ปวดประจำเดือนรุนแรง ประจำเดือนมามากผิดปกติ แต่บางกรณีไม่มีประจำเดือนก็ปวดได้ และเป็นการปวดเรื้อรังติดต่อกัน 6 เดือนขึ้นไป หรือมีบุตรยาก ในบางรายพบว่ามีหน้าท้องยื่นออกมามากคล้ายคนท้องก็มี หรือกรณีปวดเวลามีเพศสัมพันธ์ หากมีอาการแบบนี้ต้องรีบมาพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัย

               ผู้หญิงกลุ่มไหนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ นพ.อรัณ ระบุว่า ภาวะโรคเกิดได้ตั้งแต่วัยเด็กที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน แต่บางคนไม่แสดงอาการมาก และไม่เคยตรวจ พอสะสมนานวันเมื่อไหร่ที่ร่างกายไม่แข็งแรง โรคก็จะปรากฏออกมา ดังนั้นเราจึงเห็นคนที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้ว ก็ยังเป็นโรคนี้ได้

               สำหรับการรักษาโรคนั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การใช้ยากิน และการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้กินยาก่อน ซึ่งตอนนี้มีการพัฒนายารักษาไปมาก สามารถลดขนาดซีสต์ และรักษาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 80%  อย่างเช่นยากินที่เป็นฮอร์โมนโปรเจสติสเดี่ยว ที่ผลิตมารักษาโรคนี้โดยตรง เช่น ไดโนเจส (Dienogest) ซึ่งหากมาพบแพทย์เร็ว สามารถรักษาได้ด้วยการกินยา

               ส่วนในบางรายต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอาซีสต์ออก ช่วยลดอาการของช็อกโกแลตซีสต์ได้ อย่างไรก็ตามหลังผ่าตัดไปแล้ว ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสามารถรักษาโรคให้หายได้อย่างถาวร เพราะสาเหตุของโรคมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งผลิตเยอะเกินปริมาณที่บริเวณรังไข่ ในขณะที่การผ่าตัดโดยทั่วไปจะไม่ได้ตัดรังไข่ออก ดังนั้นในรายที่เป็นชนิดรุนแรง และฝังลึกเข้าไปในอวัยะต่างๆ หากผ่าตัดแล้วยังสามารถเป็นซ้ำได้ จากสถิติพบว่า ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ 10% ต่อปี นั่นหมายถึงหากผ่าตัดไปแล้ว 5 ปีกลับมาเป็นซ้ำได้ถึง 50-60% ดังนั้นหลังการผ่าตัด คนไข้กลุ่มนี้ยังต้องกินยาที่รักษาโรคนี้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันกลับมาเป็นซ้ำ สำหรับในรายที่ต้องการมีบุตร ไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาแล้ว สามารถมีบุตรได้

               ดังนั้นหากมีอาการต่าง ๆ ที่เข้าข่ายเป็นช็อคโกแลตซีสต์ ผู้หญิงต้องรีบมาตรวจวินิจฉัย พบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยจากแพทย์ในระยะเริ่มต้น สามารถป้องกันไม่ให้โรคสะสมรุนแรง โดยแพทย์จะทำการตรวจประเมินด้วยวิธีอัลตราซาวด์ ดังนั้นผู้หญิงไม่ต้องกลัวและกังวล หากมีอาการควรรีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว

               นพ.อรัณ ย้ำว่า โรคช็อกโกแลตซีสต์ ถือเป็นภัยเงียบใกล้ตัวผู้หญิง หากปล่อยให้โรคลุกลาม จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้หญิงและกระทบการใช้ชีวิตไ ดังนั้นหากมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยแม้เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นเรื้อรังไม่ควรปล่อยให้ผ่านไป รีบมาตรวจเพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที

GAC AION ขนที่สุดของซูเปอร์คาร์รถไฟฟ้า Hyper SSR ขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม.ต่อชั่วโมง ภายในเวลา 1.9 วินาที ให้ผู้ขับได้สัมผัสแรงกระชากในระดับ 1.7 G ในงาน Motor Expo 30 นี้

                 GAC AION  มาเหนือเมฆขนขุมพลังแห่งรถไฟฟ้า 100% ระดับไฮเอน Hyper SSR ด้วยขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม. ต่อชั่วโมง ภายในเวลา ...