วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2565

Haier แท็กทีม WeTV ปั้นแคมเปญสุดพิเศษ ตลอดปี ยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงเสิร์ฟผ่านหน้าจอ ประเดิมด้วยโปรสุดปัง ซื้อทีวีไฮเออร์ ดู WeTV VIP ฟรี 1 เดือน

 

               นับเป็นอีกหนึ่ง Movement ที่น่าจับตามอง เมื่อสองบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง ไฮเออร์ (ประเทศไทย) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 13 ปีซ้อน จับมือกับ WeTVแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงชั้นนำ ที่สุดความบันเทิงคุณภาพแห่งเอเชีย ภายใต้บริษัทระดับโลกอย่าง Tencent ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเตรียมจัดแคมเปญสุดพิเศษ ตั้งเป้ายกระดับประสบการณ์ความบันเทิงให้กับลูกค้าแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมขยายฐานลูกค้าให้ ไฮเออร์ให้ยิ่งเป็นที่รู้จักและเป็นแบรนด์ที่ลูกค้านึกถึงอันดับแรก

              ธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอลแอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงที่มาของการร่วมมือในครั้งนี้ว่า ด้วยเทรนด์ของผู้บริโภคยุคนี้หันมาใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น และนิยมรับความบันเทิงจากสตรีมมิงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ดังนั้น เพื่อต่อยอดประสบการณ์ความบันเทิงที่เหนือกว่า ไฮเออร์จึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายความร่วมมือกับ WeTV ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสตรีมมิงยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน และยังเป็นสตรีมมิงแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมและมีผู้รับชมเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย

               “ปกติทีวีไฮเออร์ทุกรุ่นที่เป็นระบบ Android จะมีแอพพลิเคชัน WeTV ติดตั้งอยู่ในเครื่องอยู่แล้ว โดยลูกค้าสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ของ WeTV ผ่านหน้าจอได้ง่ายๆ  ดังนั้นเพื่อยกระดับประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ให้ลูกค้า เราจึงจับมือกับ WeTV เพื่อร่วมกันทำแคมเปญพิเศษ ต่อยอดความสุขและคืนกำไรให้ลูกค้า พร้อมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ Haier ยิ่งเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น”

               กนกพร ปรัชญาเศรษฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และการขายและผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทย บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า การร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ให้ลูกทั้ง ไฮเออร์ และ WeTV ให้เพลิดเพลินกับเนื้อหาความบันเทิงที่หลากหลายทั้งคอนเทนต์ที่สามารถรับชมได้ฟรี และคอนเทนต์สุดพิเศษเฉพาะสำหรับสมาชิกวีไอพี ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ อนิเมะ รายการวาไรตี้ ภาพยนตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ ที่มีความคมชัดแบบ Full HD รับชมได้อย่างจุใจ ไม่เสียอรรถรส

               ทั้งนี้ สำหรับแคมเปญแรกที่ไฮเออร์และ WeTV ตั้งใจเซอร์ไพรส์ลูกค้า ประเดิมด้วยแคมเปญคืนกำไรให้ลูกค้าไฮเออร์ เพียงซื้อสินค้าทีวีไฮเออร์ ขนาดหน้าจอ 50 นิ้วขึ้นไปผ่านทุกช่องทางการจัดจำหน่ายที่ร่วมรายการ เช่น ร้านค้าดีลเลอร์ ร้านค้าโมเดิร์นเทรด รวมถึงช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพร้อมรับ WeTV VIP code ดูฟรี 30 วัน หรือจนกว่าโค้ดจะหมด จำกัด 1 เครื่องต่อ 1 โค้ด   

               นอกจากนี้ เพื่อต้อนรับฤดูกาลการแข่งขันฟุตบอล ไฮเออร์ยังเอาใจคอบอลด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ ไฉไลกว่าเดิม กับไฮเออร์ ทีวี รุ่นH58S51UG ขนาดหน้าจอ 58 นิ้ว มาพร้อมความละเอียดหน้าจอ 4K UHD และระบบแอนดรอยด์ 11.0 รองรับการสั่งการด้วยเสียง เติมเต็มทุกอรรถรส

               www.haier.com/thwww.WeTV.vip เปิดโลกให้กว้างกว่าที่เคยไปกับ ไฮเออร์ ทีวี รุ่น H58S51UG ทีวีรุ่นใหม่จากไฮเออร์ วางจำหน่ายที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เดือนตุลาคม2565 นี้  และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น และแคมเปญใหม่ๆ จาก Haierได้ที่ Facebook : Haier Thailand หรือดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวคอนเทนต์ที่น่าสนใจจาก WeTV ได้ทางหรือโซเชียลมีเดียของ WeTV Thailand ทุกช่องทาง

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2565

“ แถวตรง…แสบอีหลี “ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น คอมเมดี้ เด็กวัยใส สุดวายป่วง พร้อมลงโรงฉาย 3 พฤศจิกายน 2565 นี้ แน่นอน

 

                ก็ใกล้จะลงโรงฉายแล้ว สำหรับภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น คอมเมดี้ เด็กวัยใส สุดวายป่วง ของเหล่าบรรดานักเรียนตัวน้อยกับเหล่าครูผู้ฝึกสอนอย่าง แถวตรง…แสบอีหลี ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของ ผู้กำกับหญิง คุณมินทร์ธิรา ธีรภูมิธัชพงศ์ ที่ได้พระเอกมากฝีมือ อย่าง ตูมตาม ยุทธนา มาร่วมโชว์ลวดลายฝีมือการแสดง พร้อมทั้งยกขบวนความสนุกด้วย แซ็ค ชุมแพ, อี๊ด โปงลาง, นะโม ไทบ้าน, ดาว สเตลล่า, แคนดี้ สุภาภัสสร์, อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของดาราเด็กมากฝีมือ อย่างน้องอินเตอร์ รุ่งรดา, ซึ่งจะมีกำหนดเข้าฉายในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 นี้ รอติดตามผลงานของผู้กำกับหญิงหน้าใหม่คนนี้และเหล่าทีมนักแสดงที่ขนกันมาอย่างครบครัน เพื่อมาสร้างความบันเทิงในจอภาพยนตร์กันได้ กับ ภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณอมยิ้ม และหัวเราะทั้งน้ำตาอย่าง แถวตรงแสบอีหลี

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2565

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS) ถอดบทเรียนสำคัญจากเวทีระดับโลก (UN) ในการเข้าร่วม เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันผู้ประกอบการด้านธุรกิจจากประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก

 

          คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  (CBS) ถอดบทเรียนสำคัญจากเวทีระดับโลก (UN) ในการเข้าร่วม เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันผู้ประกอบการด้านธุรกิจจากประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก โดยรองศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี เป็นกรรมการคนไทยในการได้รับเชิญเป็นกรรมการในรอบชิงชนะเลิศจากทั่วโลกในครั้งนี้

          ถอดบทเรียนสำคัญ จากเวที Youth4South Entrepreneurship Competition at UN ESCAP BANGKOK การแข่งขันผู้ประกอบการด้านธุรกิจจากประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก สร้างโอกาสเรียนรู้แนวทางการการพัฒนา ของผู้ประกอบการระดับโลก ที่เน้นกลยุทธ์ในการทำงานเพื่อสร้างสิ่งที่ดีต่อสังคมสิ่งแวดล้อมและโลก เร่งต่อยอดความรู้  ปรับหลักสูตรการศึกษา เพื่อยกระดับการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน ผลิตบุคลากรเพื่อโลกอนาคต ตามหลัก  SDGs ( Sustainable Development Goals) ขององค์กรสหประชาชาติด้านความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน (UN Global Compact)

          รองศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่สถาบันการศึกษาได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในเวทีระดับนานาชาติในครั้งนี้ โดยรวมแล้วผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Entrepreneurs)  ที่ได้นำเสนอแผนงานโดยมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่ใช่เพื่อแสวงหากำไรแต่เพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นเพื่อสร้างผลกระทบที่มีต่อโลกและสังคมในด้านบวกและต้องมีประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม พร้อมทั้งนำเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนธุรกิจด้วย ซึ่งผู้เข้าแข่งขันได้โชว์วิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจให้ก้าวสู่ความสำเร็จในระดับโลกพร้อมแสดงให้เห็นถึงจิตสำนึกที่จะช่วยเหลือสังคม

          บทเรียนที่ได้จากการที่ได้เป็นกรรมการตัดสินงานระดับโลกในครั้งนี้คือ การสร้างผู้ประกอบการระดับนานาชาติที่มีจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจที่มิใช่มองหาว่าจะสร้างกำไรได้มากน้อย (Profit-oriented) แต่มองว่าปัญหาของลูกค้าและสังคมคืออะไร (Consumer centric and Solution-oriented) และนำมาพัฒนาต่อยอดในการสร้างธุรกิจเป็นขั้นต่อไป มุมมองในการสร้างโมเดลทางธุรกิจแบบนี้จะได้เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างผู้ประกอบการที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับในการสร้างบทเรียนทางธุรกิจและการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย  โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นให้นักศึกษา ผู้ประกอบการไทย พัฒนาขีดความสามารถของตนเองเข้าสู่มาตรฐานระดับโลก ซึ่งทาง CBS ได้มีแนวคิดของการสร้างธุรกิจจริงในคณะที่ตามแนวคิดของ Edenterprise ที่ไม่ได้ให้ผู้เรียนได้แค่ความรู้ในห้องเรียนเป็นนิสิตแต่ได้กลายเป็นพนักงานของบริษัท Chula Business Enterprise ที่จะทำให้เรียนและทำงานพร้อมกันตลอดระยะเวลาสี่ปี และแก้ปัญหาเรื่องการจบไปแล้วแต่ไม่มีประสบการณ์ทำงาน นอกจากนี้บริษัทนี้ที่เกิดขึ้นก็มีนโยบายในการแบ่งผลกำไรคืนสู่สังคม เป็นการส่งเสริมนิสิตให้มีความเป็นผู้ประกอบการพร้อมกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน 

          นอกจากนี้ รศ.ดร.วิเลิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ได้ไปร่วมเป็นกรรมการร่วมกับองค์กรระดับโลกทั้ง UN และ ESCAP ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทิศทางในการพัฒนาการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีความสอดคล้องกับแนวคิดของการพัฒนาผู้ประกอบการระดับโลก ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในไม่ช้าคงจะมีผู้ประกอบการชาวไทยที่ชนะการประกวดงานระดับโลกแบบนี้ในอนาคต

นัดล้างตาครั้งสำคัญ “บัวขาว” ปะทะ “ซาโตะ” จุดพลุกระหึ่มเมืองอีกครั้ง ที่ “RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์” 28 ต.ค.นี้

 

              จากกระแสของรายการแข่งขันกีฬามวย RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์” ที่เคยสร้างความฮือฮา และประสบความสำเร็จเมื่อครั้งคู่ชกมวยหยุดโลกระหว่าง “บัวขาว-โคตะ” กันไปแล้ว จนโด่งดังไปทั่วประเทศและทั่วโลก ส่งผลให้ผลตอบรับหลังจบแมตช์นั้น มีเสียงเรียกร้องให้รายการ RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์จัดคู่ชกระดับตำนานอีกครั้ง เพื่อความสนุกของผู้ชมอย่างต่อเนื่อง และเป็นการยกระดับมวยไทยให้ไปสู่ระดับโลกด้วย 

              งานนี้ ช่องเวิร์คพอยท์ 23 และ บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด (Global Sport Ventures) หรือ GSV จึงเอาใจแฟน ๆ อีกครั้งด้วยการเปิดศึกนัดล้างตาครั้งสำคัญระหว่าง “บัวขาว บัญชาเมฆ” และคู่ปรับเก่าที่เคยน็อกบัวขาวมาแล้วเมื่อ 14 ปีก่อน “โยชิฮิโระ ซาโตะ” นักสู้ชาวญี่ปุ่น โดยเป็นการสู้กันในนัดพิเศษ KAT PRESENTS LEGEND OF RAJADAMNERN เป็นการชกกันในรูปแบบ Exhibition Kickboxing Match ไม่ตัดสินแพ้ชนะ แต่อนุญาตให้น็อกเอาต์คู่ต่อสู้กันได้ภายใต้กติกาคิกบ็อกซิ่ง ซึ่งจะระเบิดศึกความมันส์ ในคืนวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ถ่ายทอดสด เวลา 21.15 น. ทางช่องเวิร์คพอยท์23 

              สำหรับความแค้นฝังลึกในใจของบัวขาวยังถูกเก็บมาจนถึงวันนี้ หลังจากนั้น 5 ปี บัวขาวจะมีโอกาสแก้มือกับซาโตะอีกครั้งก็ตาม แม้จะชนะ แต่ก็เป็นเพียงแค่ชนะคะแนนเท่านั้น ตลอดการชกกว่า 300 ไฟต์ของบัวขาว มีเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นที่เขาแพ้น็อก K.O. ให้กับซาโตะ เมื่อครั้งศึก K1 World Max 2008 ที่ Nippon Budokan Arena ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สำหรับ “โยชิฮิโระ ซาโตะ” เจ้าของฉายา Mugen Sniper ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความแม่นยำ และเขาบอกว่า “ผมได้ศึกษาการชกของบัวขาวมา จะรู้จุดอ่อน และจะรู้ว่าจะล้มบัวขาวได้อย่างไร พร้อมฝากบอกบัวขาวว่า ครั้งนี้ระวังประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย”        

              ห้ามพลาดและห้ามกะพริบตากับแมตช์สำคัญนัดล้างตาที่ทางรายการ “RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์” จัดมาให้ชมกัน ในคืนวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ถ่ายทอดสดเวลา 21.15 น. เป็นต้นไป  ทางช่องเวิร์คพอยท์23 

“Prey for the Devil สวดส่งไปลงนรก” หนังสยอง ต้อนรับฮาโลวีน

 

              มงคลภาพยนตร์ ต้อนรับฮาโลวีนด้วยภาพยนตร์แค่โปสเตอร์ก็หลอนแล้ว สำหรับ Prey for the Devil สวดส่งไปลงนรก” กับการต่อกรกับปีศาจร้ายในหนังสยองขวัญแห่งปีผลงานขวัญผวาจาก “แดเนียล สแตมม์” (จาก The Last Exorcism)  ซึ่งล่าสุดชวนระทึกกับความหลอนบนใบปิดไม้กางเขนกลับหัวในมือของซิสเตอร์สาว เมื่อปีศาจร้ายหลุดจากนรก กัดกินจิตใจมนุษย์ และกำลังต่อกรกับพระเจ้า ท่ามกลางหายนะที่ยากเกินรับมือของ ซิสเตอร์แอน แม่ชีสาวที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ หรือ คำสาปจากนรก เมื่อเธอคือคนเดียวที่ปีศาจอยากลองดี

              ฮาโลวีนนี้ ต้องเรื่องนี้ Prey for the Devil สวดส่งไปลงนรก 27 ตุลาคม ไปหลอนสุดสะพรึงกันในโรงภาพยนตร์

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ประเทือง แซ่เอี๊ย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร. 9 ทรงจัดตั้งสถาบันราชประชาสมาสัย

 

               ย้อนไปเมื่อประมาณ 60 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบเรื่องและทอดพระเนตรเห็นผู้ป่วยโรคเรื้อนในที่สาธารณะ จึงมีพระราชดำริว่า จะต้องเร่งรีบช่วยเหลืออย่างจริงจัง หลังจากนั้นพระองค์ก็มีพระราชดำริให้กระทรวงสาธารณสุขจัดตั้งสถาบันราชประชาสมาสัย ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ป่วยโรคเรื้อนดีขึ้นเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับที่มาของชื่อสถาบัน “ราชประชาสมาสัย” ซึ่งเป็นชื่อพระราชทาน อันมีความหมายลึกซึ้งว่า “พระมหากษัตริย์และประชาชน ย่อมพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน”

               ในเวลาต่อมา ประเทือง แซ่เอี๊ย ลูกหลาน ผู้ป่วยโรคเรื้อน ของสถาบันราชประชาสมาสัย ชุมชน ปู่เจ้า หมู่ 7 ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ จัดว่าเป็นคนที่ปิดทองหลังพระ ตามรอยในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งย้อนไปเมื่อ ปี 2503 ประเทือง เป็นคณะกรรมการชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อน(ตามรอยพ่อ) พร้อมด้วยผู้ป่วยโรคเรื้อน ได้ร่วมกันบูรณะอาคารราชประชาสมาสัย ซึ่งเป็นอาคารของพ่อหลวง

               จากวันนั้นถึงวันนี้ ประเทือง แซ่เอี๊ย ไม่เคยลืมในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ในการบูรณะอาคารราชประชาสมาสัย โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ทางสถาบันราชประชาสมาสัย ได้จัดงานน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งแน่นอนว่าประเทือง ไม่พลาดโอกาสที่จะแสดงความจงรักภักดีในงานครั้งนี้ โดยมีนายกเทศมนตรีเมืองปูเจ้าสมิงพราย ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ เป็นประธานเปิดงาน และประเทือง แซ่เอี้ย ประธานชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลและวางพวงมาลาถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่9 น้อมรำลึกถึงมหากรุณาธิคุณ ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ พันเอก เกียรติศักดิ์ พรมตวง เสนาธิการสำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ประพันธ์บทเสภา อันแสนซาบซึ้งตอนหนึ่งว่า

               “เพราะวันนั้น ถึงมีวันนี้” ถ้าไม่มีวันที่พระองค์ท่านเสด็จมาให้ชีวิต ให้โอกาสแก่เหล่าพวกนิกรของพระองค์ในวันนั้น กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อน คงหมดหนทางที่จะดำเนินชีวิตได้ในสังคมได้เช่นนี้… เพราะวันนั้นถึงมีวันนี้ มีองค์กรต่างๆ หลายองค์กรที่มาร่วมกิจกรรมนี้ คุณทัศนีย์ ศรศิริ และคุณมิ่งขวัญ นาคบังลังค์ ร่วมวางมาลา

               ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้างอาคารสถาบันราชประชาสมาสัย โดยมีเงินสมทบจากราชวงศ์ ข้าราชบริพาร และประชาชน เพื่อช่วยก่อสร้างอาคารสถาบันราชประชา ไม่เพียงแต่ช่วยพลิกฟื้นชีวิตผู้ป่วยโรคเรื้อนที่เคยได้รับความเจ็บป่วยจากอาการของโรคให้มีอาการดีขึ้นเท่านั้น แต่ในด้านจิตใจของผู้ป่วยโรคเรื้อนก็เสมือนได้อยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ด้วยเช่นกัน เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ตรัสและเยี่ยมเยียนราษฎรที่ป่วยเป็นโรคเรื้อนอย่างใกล้ชิด ไม่ต่างจากครั้งเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร ณ ที่ไหน ๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคเรื้อนอยู่ร่วมกับบุคคลทั่วไปได้อย่างสบายใจขึ้น ไม่โดนดูถูก โดนรังเกียจ เหมือนในอดีต อีกทั้งเมื่อมีหน่วยงานอย่างสถาบันราชประชาสมาสัย ให้ความรู้เรื่องโรคเรื้อน มีการรักษา พร้อมด้วยวิธีป้องกันโรคเรื้อนอย่างจริงจัง ก็ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจโรคเรื้อนมากขึ้นด้วย ผู้ป่วยโรคเรื้อนทุกคนล้วนโชคดี ที่ได้อยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน พระผู้เสด็จสู่สวรรค์คาลัย สถิตในดวงใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์ 

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565

“บัวผัน ฟันยับ” Fun! แน่นอน 24 พ.ย. ในโรงภาพยนตร์

 

              บีอีซี เวิลด์ และ เอ็ม พิคเจอร์ส ส่งทีเซอร์โปสเตอร์แรกของ “บัวผัน ฟันยับ” ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แนวคอมเมดี้ ที่ได้นางเอกซุปตาร์ค้างฟ้า “แอน ทองประสม” มาพลิกบทบาทความฮายับ ประกบคู่ซูปตาร์ดาวรุ่งหนุ่ม “กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิ   พัฒนพงษ์” เป็นครั้งแรก และได้ “ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์” รับหน้าที่ Executive Producer ฝีมือการกำกับโดย “ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ”

              เป็นเรื่องราวของ “บัวผัน” ผู้หญิงเก่งที่เป็นนักดาบตัวแม่ของหมู่บ้านหลังเขา เรื่องตีรันฟันแทงขอให้บอก แต่นางกลับถูกมองว่าเป็นหัวหน้าแก๊งหญิงอันธพาล เป็นตัวอันตรายซะงั้น ด้วยชื่อเสียงของบัวผันและชาวคณะขจรกระจายไปไกล จนทำให้หนุ่มหน้าหวานอย่าง “ขาม” ต้องเดินทางมาที่หมู่บ้านหลังเขาแห่งนี้ เพื่อขอสมัครเป็นศิษย์ของอาจารย์บัวผัน ความชุลมุนชุนจึงเกิดขึ้นเมื่อแก๊งหญิงจอมแสบต้องปลุกปั้นพ่อหน้าหวานคนนี้ให้กลายเป็นวีรบุรุษ

              เตรียมฮากันยับกับการกลับมาอีกครั้งบนจอภาพยนตร์ ของ “แอน ทองประสม” ในรอบ 20 ปี เตรียมตัวให้ดี เพราะ “เธอคนนี้” จะfunยับ! 24 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์



GAC AION ขนที่สุดของซูเปอร์คาร์รถไฟฟ้า Hyper SSR ขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม.ต่อชั่วโมง ภายในเวลา 1.9 วินาที ให้ผู้ขับได้สัมผัสแรงกระชากในระดับ 1.7 G ในงาน Motor Expo 30 นี้

                 GAC AION  มาเหนือเมฆขนขุมพลังแห่งรถไฟฟ้า 100% ระดับไฮเอน Hyper SSR ด้วยขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม. ต่อชั่วโมง ภายในเวลา ...