มงคลภาพยนตร์
พาคุณสู่สนามการแข่งขันและสัมผัสเรื่องจริงของโค้ชชื่อดังวงการวอลเลย์บอลในภาพยนตร์เรื่อง
“LEAP ตบให้สนั่น”
ได้นักแสดงสาวเซ็กซี่ กงลี่ มารับบท โค้ชหลางผิง
โดยกงลี่เล่าถึงก่อนหน้าปฏิเสธจะรับบท โค้ชหลางผิง
และการตัดสินใจรับเล่นว่า
“ตอนแรกที่ปฏิเสธ
เพราะรู้สึกว่าบทนี้ค่อนข้างมีความกดดันสูง
เนื่องจากโค้ชหลางผิงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
และเขาคือตัวแทนของผู้หญิงทั่วโลก
เลยกลัวมากว่าจะแสดงเป็นหลางผิงออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่พอได้ศึกษาบท
และอ่านสคริปต์แล้ว รู้สึกเหมือนกำลังได้เป็นนักวอลเลย์บอลหญิง อีกทั้งยังมีคำพูดของโค้ชหลางผิงที่กล่าวไว้ว่า
“หากเธอไม่ลองทำดู จะรู้ได้ยังไงว่าจะแพ้หรือชนะ
ฉะนั้นต้องมีความกล้าที่จะลองทำ” หลังจากอ่านสคริปต์นี้แล้ว
ก็เลยพูดกับตัวเองว่า โอเค งั้นฉันจะลองดู
นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสสัมภาษณ์โค้ชหลางผิงรวมทั้งนักกีฬาคนอื่น ๆ ตอนสัมภาษณ์พวกเขามีเหงื่อไหลตลอดเวลา
นอกจากนี้ตอนดำเนินการถ่ายทำ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองมีพลังขึ้นเรื่อย ๆ
ในการแสดง ประมาณว่าถ่ายบทนี้เสร็จแล้วอยากจะถ่ายบทถัดไปต่อทันที
นอกจากจะรับบทหลางผิงแล้วยังช่วยด้านการวางแผนด้วยค่ะ คือทุกคนจะสามารถมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นบทตัวละครในสคริปต์บางตัว
หรือแม้แต่การสร้างตัวละครเอง ทุกคนก็สามารถปรึกษาหารือกันได้ตลอด
ฉันยังรู้สึกว่าถ้าทุกคนมีส่วนร่วมแบบนี้จะสามารถทำให้สร้างหนังออกมาได้ดีมากขึ้น
ส่วนคนที่มาแสดงร่วมกัน พวกเขามีความสำคัญมาก ถ้าหากสมมติว่าแค่ไปเล่นตามบทเฉย ๆ
ฉันรู้สึกว่าอาจจะไม่เพียงพอ ต้องใส่ความรู้สึกการมีส่วนร่วม ความเห็นอกเห็นใจกัน
รวมทั้งความคิดเห็นของแต่ละคน
แบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าจะสามารถทำให้ผลงานออกมาได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการแสดงเป็นโค้ชหลางผิง
ฉันคิดว่าไม่ได้แค่แสดงเลียนแบบรูปร่างหน้าตาของเขาเท่านั้น ตอนที่ฉันไปคุยกับโค้ช
ตอนนั้นเขากำลังฝึกซ้อมอยู่ ก็ดูเขาฝึกซ้อมมองไปที่แววตาของเขา
และตอนที่ได้พูดกับเขา ฉันรู้สึกได้ถึงคำที่ว่าไม่มีการยอมแพ้
แสดงให้เห็นถึงพลังของการไม่ยอมแพ้ของทีมชาตินักวอลเลย์บอลหญิงจีน
ที่มีแต่ความต้องการที่จะชนะทั้งนี้ก็ไม่หวาดหวั่นกับคำว่าพ่ายแพ้
ในตอนนั้นเองที่ได้เจอโค้ช ความรู้สึกนั้นก็ได้ซึมซับไปในตัว
และคิดว่าจะต้องนำความรู้สึกเหล่านี้แสดงออกมาให้เหมือนกับโค้ชหลางผิงได้มากที่สุด
อีกมุมของโค้ชก็มีทั้งความอ่อนโยนและสวยงาม แต่อีกมุมก็มีความเข้มแข็งซ่อนอยู่
นอกจากนี้ทางด้านจังหวะการเคลื่อนไหวทางกายยังมีความว่องไวมาก
การที่มีต้นแบบเป็นบุคคลในชีวิตจริง ๆ ฉันรู้สึกว่ายากค่ะ ค่อนข้างยากเลย
เนื่องจากเขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีชีวิตจริง ๆ ผู้คนต่างประทับใจในตัวเขา
หากแสดงผิดเพี้ยนไป อาจจะกลายเป็นข้อผิดพลาดได้ง่าย จึงต้องมีสมาธิอย่างมากในการแสดง
ดังนั้นการที่จะแสดงให้เหมือนเขาจริง ๆ
ทั้งยังเป็นบุคคลทางสังคมถือว่าเป็นบทที่ยากพอสมควร ทุกวันเห็นข่าวทางออนไลน์
บางครั้งก็คุยกับทางผู้กำกับ ว่ายังมีความรู้สึกกลัว ๆ สำหรับบทบาทนี้อยู่เลย
จะแสดงบทนี้ได้จริง ๆ เหรอ แต่ระหว่างการถ่ายทำก็ทำให้เข้าใจบทมากขึ้นและสามารถสื่อออกมาได้เสมือนเป็นโค้ชหลางผิงจริง
ๆ แต่บางทีก็ยังมีความรู้สึกกดดันจนทำให้พูดไม่ออกจริง ๆ และได้คุยกับ ไป๋ล่าง
ที่รับบทลูกสาวตอนแต่งหน้าเสร็จแล้ว เขาก็พูดกลับมาว่า “นี่คือแม่ของฉัน”
เหมือนเวลาที่เขามองแม่ของเขา แล้วก็เวลาฉันมองไปที่เขาแล้วก็คิดว่าเหมือนตัวเองจัง
บุคลิกเขาจะคล้ายกับหลางผิงมาก เวลาเขายิ้มก็จะมีลักยิ้มสองข้าง
แล้วก็เหมือนหลางผิงจะมีลักยิ้มหนึ่งข้าง ตอนที่เราเจอกันตอนนั้น
มองตากันก็จะมีความรู้สึกถึงแววตาที่ไม่เหมือนกัน มีความรู้สึกที่ต่างกันพอสมควร
ประสบการณ์ของฉันเกี่ยวกับวอลเลย์บอลหญิง
ตอนเด็ก ๆ อยู่บ้านเคยดูทีมวอลเลย์บอลหญิงทางทีวี เลยพอได้เห็นการแข่งขันมาบ้าง
ฉันก็ติดตามมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจกีฬาวอลเลย์บอลมากนัก
ยิ่งตอนยังเด็กแทบจะไม่เข้าใจเลย
พอโตขึ้นมาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าวอลเลย์บอลมีวิธีการเล่นหรือนับคะแนนอย่างไร
แต่ว่าพอได้ดูทีมวอลเลย์บอลหญิงแล้วทำไมรู้สึกดูเท่ห์จัง หลังจากการแข่งขัน
การชนะในแต่ละครั้ง พ่อแม่ พี่ชาย ฉันมีพี่ชายสามคน พี่สาวหนึ่งคน
ซึ่งแก่กว่าประมาณสิบกว่าปี พวกเขารู้สึกตื่นเต้นไปด้วยทุกครั้ง
เลยรู้สึกว่าความทรงจำในครั้งนั้น คิดว่าพวกเขาเป็นเหมือนตัวแทนของประเทศ
เป็นดั่งฮีโร่ในสายตาทุกคน พอถึงตอนที่ฉันได้รับบทนี้ ก็ไปถามพี่ชายและเพื่อน ๆ
รอบตัว ว่าตอนนั้นความรู้สึกพวกเธอเป็นอย่างไรบ้าง
พี่ชายฉันยังเป็นแฟนคลับตัวยงของทีมนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง ตอนที่ไปหาฉัน
พี่ชายยังถามว่าเมื่อไหร่โค้ชหลางผิงจะมา เขาเป็นแฟนคลับตัวจริงเลยล่ะ
ตอนที่กำลังถ่ายทำก็มีแฟนคลับของทีมวอลเลย์บอลมาชิดติดขอบติดตามเสมอ ฉันก็ติดตามดู
แต่ไม่ได้ถึงกับแบบแฟนคลับขนาดนั้น เพราะฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ
แต่หลังจากที่ได้เข้าไปสัมผัสกับชีวิตในทีมวอลเลย์บอลหญิง
เลยคิดว่าถ้าหากมีโอกาสเกิดใหม่อีกครั้ง ฉันอยากจะเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลบ้าง
และเต็มใจจะทำมันจริง ๆ
ตอนที่เดินทางไปที่เป่ยหลุน ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก
ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นพวกเขาฝึกซ้อม พวกเขาไม่ได้ซ้อมตลอดเวลา
มีช่วงพักเบรก บังเอิญเป็นสถานที่ฝึกซ้อม เลยมีเวลาประมาณสิบวันให้ฉัน ฉันก็ไปพักที่นั่นเลย
และในแต่ละวันก็ตื่นแปดโมงซ้อมถึงตอนพักเที่ยง พวกเขาพักเที่ยงหนึ่งชั่วโมง
ตอนบ่ายก็อยู่กับพวกเขาตลอดเวลา
นอกจากนี้เพิ่งได้ทราบว่าเอวและเท้าของโค้ชหลางไม่ค่อยดี
เลยต้องนั่งบ้างและมองดูลูกทีมฝึกซ้อม แต่ในช่วงเวลาที่ฉันไป ยังเคยพูดกับโค้ชหลางว่าสิบกว่าวันมานี้
ฉันยังไม่เคยเห็นโค้ชนั่งเลย
ลูกทีมของโค้ชพูดขึ้นมาว่าเพื่อฉันเลยที่อยากจะให้เห็นตอนเวลาซ้อมจริง ๆ
โค้ชเป็นอย่างไร ทั้งน้ำเสียง วิธีการ รวมทั้งท่าทางเล่นวอลเลย์บอล
จากนั้นมาฉันก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก เพราะร่างกายของโค้ชก็ไม่ค่อยดี ตอนเวลาถ่ายทำก็นั่งไม่ได้
โค้ชเลยต้องยืนตลอดเวลา กิจวัตรประจำวันของทีมวอลเลย์บอล เช่น
ตอนเช้าตื่นเช้ามาเข้าแถวเรียงหนึ่ง คุยกันว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง
พูดจบก็เป่านกหวีด ไปฝึกซ้อมได้ ส่วนตอนเย็นซ้อมเสร็จก็เป่านกหวีด เข้าแถว
อย่างกับค่ายทหารของนักรบประมาณนั้น พอฉันได้รู้เบื้องหลังแล้ว
เลยรู้สึกว่าถ้าเกิดพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็จะรู้สึกน้ำตาไหล พวกเขาฝึกหนักมาก
เพื่อการแข่งขัน พวกเขาหวังที่จะชนะ แต่ก็ไม่หวั่นกับความพ่ายแพ้
ตอนที่ฉันจดบันทึก ก็ได้จดทุกอย่างทั้งคำพูด หน้าที่ทั้งหมด
ส่วนวิธีการฝึกซ้อมของพวกเขาเป็นการฝึกแบบสมัยใหม่ ยุคใหม่ เช่น
การเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ช่วยในการฝึกซ้อม
ตอนที่ฉันจดบันทึกยังรู้สึกว่าแต่ละอย่างยากเกินไป สำหรับฉันกับหลางผิงจุดที่เหมือนกันของเราคือ
การไม่ยอมแพ้ คือแค่ให้โอกาส ก็พร้อมจะสู้ต่อ อยากจะทำให้ดีที่สุด เหมือนกับคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย
ๆ แบบนั้น”
เตรียมไปให้กำลังใจ “LEAP ตบให้สนั่น”
5 พฤศจิกายน ในโรงภาพยนตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น