วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

แพทย์เตือนคนไทยระวัง ‘โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว’

 



เนื่องใน วันหัวใจโลกหรือ World Heart Day วันที่ 29 กันยายน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจเตือนคนไทยระวัง ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว(Atrial Fibrillation) ที่พบได้ในผู้ป่วยสูงอายุ น้ำหนักตัวมาก และผู้ป่วยโรคหัวใจ ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วนี้ถ้ามาพร้อมกับ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือในผู้สูงอายุ จะทำให้สุ่มเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตและเสียชีวิตได้ แนะใช้หลักการ F-A-S-T สังเกตอาการ ใบหน้าเบี้ยว แขนอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด มีอาการแบบปัจจุบันทันด่วน ให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคทันที

ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากเสี่ยงที่จะเป็นโรค ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว หรือ Atrial Fibrillation (AF) โดยส่วนใหญ่พบในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน ไทรอยด์ ความดันโลหิตสูง ล้วนแต่เป็นโรคท็อปฮิต ถ้าปล่อยไว้นานย่อมส่งผลกระทบลุกลามอาจเกิดอัมพฤกษ์ หรืออัมพาต จากการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และภาวะหัวใจล้มเหลวจนเสียชีวิต

วันที่ 29 กันยายนของทุกปีถือเป็น วันหัวใจโลก หรือ World Heart Day ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมกับนานาชาติ รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของโรคหัวใจและภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่ต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องของสุขภาพ พฤติกรรมใช้ชีวิต การรักษาและการใช้ยาที่มีประสิทธิภาพ





ศาสตราจารย์คลินิก นพ.ชาญ ศรีรัตนสถาวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ กล่าวถึงโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว หรือ AF ว่า ปัจจุบันคนไทยเสี่ยงเป็นโรค AF เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยและมีโรคประจำตัว ในภาวะนี้หัวใจห้องบนเต้นเร็วหรือเต้นพลิ้วด้วยความถี่สูง เช่น ประมาณ 300-400 ครั้งต่อนาที และส่งกระแสประสาทหรือกระแสไฟฟ้าลงมายังหัวใจห้องล่างแบบไม่สม่ำเสมอ ทำให้หัวใจห้องล่างเต้นเร็วขึ้นตามไปด้วยแต่ไม่เร็วเท่าห้องบน การทำงานจึงไม่สัมพันธ์กัน ส่งผลต่อการทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เกิดอาการใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ วิงเวียนหน้ามืด เหนื่อยง่าย หายใจไม่ออก 

นอกจากนั้น ผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่มีปัจจัยเสี่ยงควบคู่ ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ง่าย เพราะการทำงานของหัวใจที่เต้นผิดปกติ ทำให้เกิดลิ่มเลือดซึ่งอาจหลุดออกจากหัวใจไปอุดตันส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขนขาหรือสมอง เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โดยจากสถิติพบว่าคนไข้ที่เป็นภาวะ AF ที่มีปัจจัยเสี่ยงควบคู่ มีความเสี่ยงไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้ประมาณ 4-5% ต่อปี 

อาการที่หมอแนะนำให้รีบพาผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาลแขนขาอ่อนแรงขยับไม่ได้ แม้ในบางครั้งอาการจะหายไปเองก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะโรค Stroke ถ้ารักษาไม่ทันเวลาใน 3-4 ชั่วโมง สมองจะเสียหายหนักกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมีอาการหายใจเหนื่อยหอบเพราะกล้ามเนื้อหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันแล้วน้ำท่วมปอด หอบเวลากลางคืน อาการวูบหมดสติเพราะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน สิ่งที่อาจจะตามมาคือหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิต

นพ.ชาญ ระบุว่า การรักษาที่ดีคือต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลักๆ จากโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน การดื่มแอลกอฮอล์ น้ำหนักตัว โรคไทรอยด์ ภาวะนอนกรน อีกส่วนคือช่วงอายุที่มากขึ้น  ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็น AF ประมาณ 1-2% และอายุ 80 ปีขึ้นไปพบเพิ่มเป็น 10-12% รวมถึงความเครียดเช่นในช่วงโควิด-19 ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งได้

หนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่มีปัจจัยเสี่ยงควบคู่คือการป้องกัน อัมพฤกษ์ อัมพาต ด้วยยาต้านเลือดแข็งตัว ซึ่งมีแบบดั้งเดิมที่ออกฤทธิ์ผ่านทางวิตามินเค และแบบที่ออกฤทธิ์ไม่ผ่านทางวิตามินเค หรือเรียกว่า NOACs ยาต้านการแข็งตัวของเลือดที่ออกฤทธิ์ผ่านทางวิตามินเค เช่น วาร์ฟาริน อาจจะได้รับผลกระทบจากอาหารและยาหลายชนิด เช่น ถ้าคนไข้ใช้ยาร่วมกับสมุนไพรอย่างฟ้าทะลายโจรก็อาจจะมีฤทธิ์ต้านเลือดแข็งตัวมากขึ้น ยาต้านเลือดแข็งตัวที่ออกฤทธิ์ไม่ผ่านทางวิตามินเค ดูจะมีความสะดวกและผลข้างเคียงน้อยกว่ายารูปแบบเดิม อย่างไรก็ตาม การใช้ยาต้องขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์ด้วยว่าคนไข้เหมาะสมกับยารูปแบบใด การใช้ยาต้านเลือดแข็งตัวในผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วอย่างเหมาะสมจะเป็นประโยชน์ลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ภาวะอัมพฤกษ์อัมพาต จะได้ประโยชน์มาก




ทางด้าน พ.อ. นพ. เจษฎา อุดมมงคล นายกสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย และ ผู้อำนวยการกองอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ระบุว่าคนไทยเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อยู่ที่ประมาณ 100-200 รายต่อประชากรแสนคน และเสียชีวิตสูงถึงปีละประมาณ 30,000 ราย และเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะทุพพลภาพสูงมาก ในจำนวนนี้โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วหรือ AF ประมาณ 10-20% 

โรคหลอดเลือดสมองที่มีสาเหตุมาจากหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น สามารถป้องกันได้มากกว่าสาเหตุอื่นๆ หรือป้องกันได้ราว 60-70% ทั้งที่ยังไม่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ แต่เนื่องจากโรคนี้ยิ่งอายุมากยิ่งพบได้บ่อยและมักไม่แสดงอาการ หรือแสดงอาการเป็นช่วงๆ จึงแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและเพิ่มการตรวจละเอียดเมื่อมีข้อบ่งชี้ตั้งแต่อายุ 45 ปี หรือใช้เครื่องตรวจไฟฟ้าหัวใจ และเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น AF และประเมินความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองก็จะมียาป้องกันเลือดเป็นลิ่ม โดยที่ต้องทานยาอย่างต่อเนื่อง” 

สำหรับผู้ที่เคยป่วยสมองขาดเลือดมาแล้วและมี AF สามารถป้องกันการเป็นซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยง ทั้งเบาหวาน ไขมัน ความดันโลหิต บุหรี่ เป็นต้น และควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ที่สำคัญควรพบแพทย์และทานยาอย่างสม่ำเสมอ เพราะความเสี่ยงยังคงอยู่ ซึ่งทั้งยากลุ่ม VKA อย่างวาร์ฟาริน และกลุ่ม NOACs สามารถป้องกันโรคหลอดเลือดสมองกลับมาเป็นซ้ำได้ และยังช่วยลดภาวะทุพพลภาพและลดอัตราการเสียชีวิต หากมีอาการเกิดซ้ำ

สำหรับในช่วงการระบาดของโควิด 19 พ.อ.นพ เจษฎา เตือนว่ามีปัจจัยที่ต้องระวัง เพราะผู้ติดเชื้อโควิดเป็นกลุ่มที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย ซึ่งมักพบในปอดและบางรายพบที่สมองได้ จึงมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ชนิด Viral Vector ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันแบบเกล็ดเลือดต่ำสูงกว่าวัคซีนประเภทอื่นและการรักษามีความซับซ้อน และหากผู้ป่วยติดเชื้อโควิดและเป็นโรคหลอดเลือดสมองด้วย กระบวนการรักษาจะยากลำบากขึ้นมาก

ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดความรุนแรงของโรค ขอให้ประชาชนสังเกตสัญญาณเตือนของร่างกาย จำง่ายๆ ว่า F-A-S-T ซึ่งย่อมาจาก Face หมายถึงใบหน้าผิดปกติ หน้าเบี้ยว Arm แขนชาหรืออ่อนแรง Speech พูดไม่ชัด พูดไม่เข้าใจ หรือพูดไม่ได้ และ Time คือเกิดอาการแบบปัจจุบันทันด่วนและหากมีสัญญาณเตือนเหล่านี้ขอให้ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที หรือ โทร.1669 เพื่อนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด


วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ จุฬาฯ จัดสัมมนาออนไลน์ ผ่านบทเรียนของการสร้างแบรนด์ลาลิซ่า (LALISA)

 


คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ จุฬาฯ จัดสัมมนาออนไลน์ผ่าน Webinar ฟรี ให้กับนิสิตปัจจุบัน นิสิตเก่า และบุคคลทั่วไป ทาง FB ของคณะ CBSChula CBS Academy โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการธุรกิจของประเทศไทย ด้วยการใช้กลยุทธ์ Soft Power เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกประเด็นเรื่องของการพัฒนาวัฒนธรรมสู่ระดับโลก ผ่านบทเรียนของการสร้างแบรนด์ลาลิซ่า (LALISA)  หัวข้อเรื่อง : “Soft Power, Stronger Economy” วันอังคารที่ 28 กันยายน 2564 เวลา 19.00-21.00 น.ผ่านการเสวนาจากกูรูและผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจวัฒนธรรมและศิลปินเกาหลี ทั้ง 5 ท่าน ประกอบด้วย

รศ. ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ดร. ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นิสิตเก่า MBA Exec Chula รุ่น 20, คุณพลพัฒน์ อัศวะประภา นายกสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพ เจ้าของแบรนด์ดัง ASAVA ,คุณปรุง ทัชระ ล่องประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Music Marketing ประสบการณ์บริษัทบันเทิงจากเกาหลี ,คุณธดล ไพฑูรย์พงษ์ (น้อง Blink) ศิลปิน Z-Boy ตัวแทนชาวไทยที่ชนะ Z-POP Dream Thailand Audition 2018 ที่จัดขึ้นโดยวิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดง SCA (Superstar College of Arts) ร่วมกับ COZMIC  ดำเนินรายการโดย คุณเอิร์ธ ศัลย์ อิทธิสุขนันท์ นิสิตเก่า MBA Regular 20

สนใจสามารถกรอกฟอร์มรับสมัครที่ QR CODE และที่: https://forms.office.com/r/ftB7Vrh2Nf

#CBSCHULA #CBSACADEMY #MBA_CHULA_ALUMNI

 



วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

กรมอนามัย-ไบเออร์ไทย ดีเดย์วันคุมกำเนิดโลก 2564 ร่วมรณรงค์หยุดปัญหา ‘ท้องไม่พร้อม’ พุ่งช่วงโควิด-19


  • สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 พบสถิติตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เพิ่มสูงขึ้น
  • เดินหน้ารณรงค์สร้างความตระหนักรู้ รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง การวางแผนการตั้งครรภ์เมื่อพร้อม และการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ในกลุ่มวัยรุ่นผ่านกิจกรรมสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น



24 กันยายน 2564 กรุงเทพฯ สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด จับมือเดินหน้ารณรงค์เพื่อให้ทุกๆ การตั้งครรภ์เกิดขึ้นจากความพร้อมและความตั้งใจ เนื่องใน วันคุมกำเนิดโลก(26 กันยายน 2564 หรือ World Contraception Day 2021)

นายแพทย์พีระยุทธ สานุกูล ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในระยะเวลาเกือบ 2 ปีของสถานการณ์โควิด-19 และการ Lockdown ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงโดยเฉพาะในวัยรุ่น ในหลายด้าน ทั้งในเรื่องการดูแลสุขภาพ การเข้าถึงการคุมกำเนิด รวมถึงความสามารถในการวางแผนครอบครัว ดังจะเห็นได้จากสถิติการท้องไม่พร้อมมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

สถิติข้อมูลบริการ 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม มีผู้มาขอรับคำปรึกษาปัญหานี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่ยังอยู่ในระบบการศึกษา สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางและอาจกลายเป็นวิกฤตทางสังคมตามมา นายแพทย์พีระยุทธกล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 มีกลุ่มสตรีโทรมาขอรับบริการปรึกษาที่ 1663 เกี่ยวกับปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมมากถึง 4,461 คน หรือเฉลี่ย 149 คนต่อวัน เป็นหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 26 คน มากกว่าช่วงสถานการณ์ปกติ อาทิ เดือนตุลาคม 2563 ที่มีผู้ขอรับคำปรึกษาเพียง 2,490 คน เฉลี่ย 83 คนต่อวัน และเป็นหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 16 คน

สำหรับสถิติ ในปี 2562 กรมอนามัยพบว่า มีการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี มีจำนวน 63,831 ราย แบ่งเป็น หญิงช่วงอายุระหว่าง 15-19 ปี 61,651 ราย และผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ตั้งครรภ์จำนวน 2,180 ราย และยังพบว่ามีวัยรุ่นตั้งครรภ์ซ้ำอีกจำนวน 5,222 ราย

นายแพทย์พีระยุทธ กล่าวอีกว่า การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์หรือท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่รู้หรือมีความรู้แต่ใช้ไม่ถูกวิธี นำไปสู่การเรียนรู้เรื่องเพศที่อาจไม่ถูกต้องและไม่ได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้อง ดังนั้นสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ จึงได้มุ่งเน้นการสร้างสื่อความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการคุมกำเนิดอย่างถูกวิธี การให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการตั้งครรภ์เมื่อพร้อม และการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้แก่ Facebook คลับนี้เลดี้คุม by YoungLove และ Line คลับนี้เลดี้คุม by YoungLove เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่วัยรุ่นสามารถเข้ามาค้นหาข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการให้ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเป็นหนึ่งวิธีที่จะทำให้สามารถวางแผนครอบครัวเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูกในเวลาที่เหมาะสม เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นได้

การคุมกำเนิดยังควรต้องเป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยปัจจุบันวิธีการคุมกำเนิดมีทางเลือกหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ห่วงอนามัย ถุงยางอนามัย การทำหมันชายและหญิง โดยอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมและสะดวกสำหรับผู้หญิง คือการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด




แพทย์หญิงปานียา สูตะบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ แผนกฟาร์มาซูติคอล บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไบเออร์ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านเภสัชกรรมระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพผู้หญิงและยาฮอร์โมนคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ เราสนับสนุนการรณรงค์ลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์มาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและภาคประชาสังคมต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ

“จากสถานการณ์โควิด-19 กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) คาดการณ์ว่า มีผู้หญิงเกือบ 12 ล้านคนใน 115 ประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ไม่สามารถเข้าถึงบริการการวางแผนครอบครัว ซึ่งนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน 1.4 ล้านคน ดังนั้นการให้ความรู้เรื่องคุมกำเนิดจึงสำคัญมาก เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้ชีวิตหรืออนาคตอาจต้องเปลี่ยนไปจากเส้นทางที่วางแผนไว้

ทั้งนี้ บริษัท จึงร่วมมือกับสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ ในการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายนนี้ ได้เข้าร่วมโปรโมทเนื่องในวันคุมกำเนิดโลกปีนี้ ในรายการออนไลน์ ทางช่องทาง Facebook และ YouTube NaNake555 ที่ให้คำปรึกษาเรื่องเพศ ดำเนินรายการโดย น้าเน็ก คุณเกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ร่วมกับแพทย์ 3 ท่าน เพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการคุมกำเนิด และส่งเสริมให้เกิดการสนทนาเรื่องเพศสัมพันธ์อย่างเปิดเผย ลดปัญหาท้องไม่พร้อม (ติดตามรายการได้ที่ Facebook คลับนี้เลดี้คุม by YoungLove)




นอกจากนี้ยังมีการจัดบรรยายในรูปแบบออนไลน์ในสถานศึกษา และมีการร่วมสนับสนุนอบรมฟื้นฟูความรู้ เรื่องเทคโนโลยีการวางแผนครอบครัวให้แก่กลุ่มเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสถานพยาบาลต่างๆ อีกด้วย

สำหรับในระดับนานาชาติ ไบเออร์ได้สนับสนุนกิจกรรม #WCD2021 เป็นวิดีโอออนไลน์รวบรวมความคิดเห็นของวัยรุ่นและอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วโลกเกี่ยวกับการคุมกำเนิด โดย คุณบีม วีราวัลย์ พูลสวัสดิ์ เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เข้าร่วมในแคมเปญนี้ด้วย สามารถติดตามได้จาก https://www.facebook.com/vjlittlebeam/ และ https://www.youtube.com/c/LittleBeamChannel

เนื่องในโอกาสวันคุมกำเนิดโลก 2564 หรือ World Contraception Day 2021 ในต่างประเทศ ไบเออร์ยังร่วมกับองค์กรพันธมิตรนานาชาติ ดำเนินการผ่านโครงการ Your Life จัดให้มีกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และส่งเสริมให้เกิดความรู้การคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง ผ่านทางเว็บไซต์ www.yourlife.com นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นขององค์กรภาคีที่ดำเนินกิจกรรมนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 พร้อมกันใน 70 ประเทศทั่วโลก

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564

สูตินรีแพทย์ห่วงผู้หญิงไทยเสี่ยงโรค ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ ย้ำไม่หายขาด อาจเป็นซ้ำ แนะรักษาและใช้ยาต่อเนื่อง

  


สูตินรีแพทย์เจ้าของเพจดัง ร่วมวงเสวนา ‘Expert Treat Expert Talk’ ออกโรงเตือนผู้หญิงไทยจำนวนมาก มีโอกาสเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ ช็อกโกแลตซีสต์ ถ้ามีสัญญาณอันตราย เช่น อาการปวดท้องน้อยอย่างต่อเนื่อง รีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย ระบุเป็นภาวะเรื้อรังเสี่ยงเกิดซ้ำได้อีกแม้ผ่าตัดแล้ว พร้อมเปิดตัว Endo Diary แอปพลิเคชันบันทึกช่วยจำสำหรับผู้ป่วย เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ดียิ่งขึ้น

‘โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่’ เป็นโรคที่ผู้หญิงไทยเป็นกันไม่น้อยและวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษา ‘Expert Treat Expert Talk’ งานเสวนาทาง Facebook Live ได้รับเกียรติจากสูตินรีแพทย์ชื่อดัง 3 ท่าน มาร่วมพูดคุย ประกอบด้วย นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพจ ‘Olarik Musigavong’ (https://www.facebook.com/olarik.musigavongนพ.อรัณ ไตรตานนท์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าของเพจ ‘อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน’ (https://www.facebook.com/tritanonarun/) และ พญ.กรพินธุ์ รัตนสัจธรรม สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี เพจ Doctor ออ, Woman expert (https://m.facebook.com/Dr.Korapin/) โดยมีคุณ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” เป็นผู้ดำเนินรายการ

นพ.อรัณ ไตรตานนท์ สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ผู้หญิงทุกคนต้องหมั่นสังเกตตัวเองเสมอ เพราะคนไข้ส่วนใหญ่ที่พบมักมีความเข้าใจผิด คิดว่าการที่ประจำเดือนไม่มาเป็นเรื่องไม่ดี หรือเมื่อไม่มีอาการปวดแล้วก็มักจะไม่มาพบแพทย์ตามนัด แต่จริงๆ การไม่มีประจำเดือนที่เกิดจากการรับประทานยาเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ และแม้ว่าจะไม่มีอาการปวดแล้วก็ควรจะมาพบแพทย์ตามนัด เนื่องจากอาจมีโรคแทรกซ้อนอยู่ ขอย้ำว่าโรคนี้ป้องกันอาการรุนแรงได้ด้วยการทานยา ให้รีบมารักษาแต่เนิ่นๆ หากปล่อยไปอาจเกิดโรคอื่นตามมา เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ฯลฯ 

สำหรับยาหลักๆ ที่แพทย์ใช้รักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ก็คือ กลุ่มเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสติน (Progestin) โดยทั่วไปอยู่ในรูปของยาเม็ดคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมนบางชนิด ซึ่งที่ผ่านมาเกิดความเข้าใจผิดว่าเมื่อทานยาฮอร์โมนแล้วจะมีบุตรยากหรือยาไปกระตุ้นเซลล์จนเกิดเป็นเนื้องอก แต่จากรายงานผลศึกษาทั้งในและต่างประเทศพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน 

“กรณีคนไข้เข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำในรังไข่แล้ว 90% ดีขึ้น แต่หลายครั้งรอยโรคยังอยู่ แต่คนไข้กลับเลิกกินยา ทำให้ถุงน้ำรังไข่ ช็อกโกแลตซีสต์ ยังมีโอกาสโตได้อีก ข้อแนะนำคือไม่ควรที่จะหยุดทานยาหรือมาพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ” 

  



นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า สถิติจากผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำกว่า 10% ดังนั้น ผู้หญิงสังเกตตัวเองได้จากอาการปวดท้องน้อย รู้สึกเจ็บลึกๆ เวลามีเพศสัมพันธ์ หรือมีบุตรยาก ควรรับการตรวจภายในประจำทุกปีเพื่อดูปากมดลูกและรังไข่ เพราะการไม่มีอาการมิได้หมายถึงไม่ได้เป็นโรค บางคนมีอาการตั้งแต่วัยรุ่นแต่กว่าจะมาหาหมอ 7-10 ปี จะมีผลเสียและอาการที่รุนแรงตามมา

“หากตรวจพบช็อกโกแลตซีสต์ระยะแรก มีขนาดเล็ก เช่น 1 เซนติเมตร อาจรักษาด้วยการทานยาได้ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว แต่คนไข้จำนวนไม่น้อยพอมีอาการดีขึ้น กินยาแล้วหรือผ่าตัดแล้วก็จะหายไป จริงๆ ควรมาพบแพทย์สม่ำเสมอตามนัดเพราะสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้” 

พญ.กรพินธุ์ รัตนสัจธรรม สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี อธิบายว่า ช็อกโกแลตซีสต์ เป็นพิษต่อรังไข่สามารถซ่อนอยู่ได้หลายจุด บางกรณีอัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์ก็อาจไม่พบ เช่น ไปฝังด้านหลังมดลูก การพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็วเป็นเรื่องสำคัญ และสามารถรักษาด้วยยาซึ่งปัจจุบันพัฒนาไปมาก ทั้งยาคุมกำเนิด ยาโปรเจสติน เช่น ไดอิโนเจส (dienogest) ยังไม่มีการวิจัยที่สรุปได้ว่าการกินยารักษาโรคนี้จะทำให้เกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งโพรงมดลูก ถ้าใช้ในความดูแลของแพทย์  

“โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง แม้จะท้องหรือคลอดบุตรแล้วก็ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ไม่เข้าสู่วัยทองหรือหมดประจำเดือนก็จะยังไม่หาย โรคนี้รักษาด้วยยาเป็นหลัก บางกรณีอาจต้องรักษาโดยการส่องกล้องผ่าตัด”

ทั้งนี้ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เชื่อว่าเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้อง ซึ่งเลือดประจำเดือนเหล่านี้มี เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก’ อยู่ด้วย แล้วมีปัจจัยบางอย่างกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกไปฝังผิดที่ที่อวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดโรคขึ้น เช่น ฝังที่รังไข่จนเกิดเป็นซีสต์สีดำคล้ำคล้ายช็อกโกแลตมักเรียกกันว่า ถุงน้ำช็อกโกแลต’ หรือ ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ ซึ่งทำให้คนไข้ปวดบริเวณท้องน้อยและมีอาการปวดรุนแรงมากขึ้น 

ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน Endo Diary TH ได้ทั้ง App Store และ Google Play ซึ่งสามารถช่วยเตือนการรับประทานยา ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรค ตลอดจนช่วยบันทึกอาการสำคัญต่างๆ อาทิ อาการปวด อารมณ์เป็นอย่างไร เลือดประจำเดือนเป็นอย่างไร มีลิ่มเลือดปนในประจำเดือนหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปสื่อสารกับแพทย์ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 


 

 

 

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2564

สสว. สร้างทัพ SME รุ่นใหม่ ช่วยเสริมสภาพคล่อง SME ผ่านการตลาดออนไลน์ ฝ่าวิกฤตโควิด – 19

 


สสว. เดินหน้าโครงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (Early Stage All Stars) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สร้างทัพ SME รุ่นใหม่ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 บุกตลาดการค้าออนไลน์เต็มสูบ คาดช่วยเสริมสภาพคล่อง SME ผ่านการตลาดออนไลน์ การใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมไม่ต่ำกว่า 120 ราย 

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)   เปิดเผยว่า แม้ว่าในปีนี้ประเทศไทย และทั่วโลกต่างเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่ สสว. ก็ยังคงเดินหน้าสร้าง ผู้ประกอบการใหม่ ให้มีศักยภาพสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่พร้อมเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจของไทยต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ (SME – Early Stage : All Stars)โครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ (Early Stage All Starsได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2559 ตามนโยบายของรัฐบาล โดยสร้าง SMEs รุ่นใหม่ที่ปรับใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการพัฒนาสินค้า และบริการใหม่ ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งตลอดระยะเวลาดำเนินงานที่ผ่านมาถึงปี 2564 นี้ สามารถพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยกว่า 50,000 ราย ให้สามารถต่อยอดการดำเนินธุรกิจของตนและเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมและวิจัยพัฒนา

สำหรับปี 2564  โครงการได้มีการปรับรูปแบบการดำเนินงาน ได้ร่วมกับหน่วยร่วมดำเนินงาน 6 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อุตสาหกรรมพัฒนามูลินิธิเพื่อสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ  สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภายใต้แนวคิด Early Stage All Stars เพื่อให้สามารถขยายการดำเนินงานไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการใหม่ และกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด- 19 มาตั้งแต่ปี 2563 โดยใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการการผลิต บริหารจัดการและการตลาด

รวมถึงมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน การพัฒนาแนวความคิดในการสร้างธุรกิจเชิงปฏิบัติการ โดยใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ ให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน เพื่อนำไปวิเคราะห์ปัญหาและให้คำปรึกษาเชิงลึกให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะนำไปปรับปรุงธุรกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดย SME ที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถเป็นบุคคลธรรมดาที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ แต่ถ้าหากเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนแล้วจะต้องจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจไม่เกิน 3.5 ปี

ผอ. สสว. กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการที่สมัครเข้าร่วมโครงการ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับ ขั้นตอนในการเริ่มต้นทำธุรกิจ และรูปแบบการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ จาก สสว. ผ่านกิจกรรมการสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับการส่งเสริมศักยภาพตามปัญหาหรือความต้องการ อาทิ  การเขียนแผนธุรกิจ แนะนำแผนธุรกิจที่ได้รับการตรวจสอบและพิจารณาจากสถาบันการเงิน การทำ Content Marketing แนะนำการใช้สื่อสำหรับประชาสัมพันธ์ การเชื่อมโยง Online to Offline (O2O) สอนการเชื่อมโยงร้านค้าโลกออนไลน์กับไลน์เข้าด้วยกัน การยกระดับมาตรฐาน แนะนำการเตรียมความพร้อมเพื่อการขอรับรองมาตรฐาน  ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) และการเชื่อมนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้าสู่ธุรกิจหรือ Internet of Things: IoT

“กิจกรรมทดสอบตลาดเป็นอีกหนึ่งในกิจกรรมของโครงการฯ ที่สสว. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คัดเลือกผู้ผ่านการพัฒนาศักยภาพในเชิงลึก กว่า 100 ราย เข้าร่วมงาน Early Stage Market Fair 2021 ผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ใน Facebook Page : SME ตีตลาด Early Stage Market Fair ซึ่งจะมีการไลฟ์สดขายของ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ ทดสอบสินค้า พร้อมพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำไปปรับปรุงและเพิ่มคุณค่าของสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสผู้ซื้อได้พบกับผู้ขายโดยตรง ซึ่ง สสว. จะเข้าไปช่วยโปรโมทผ่านช่องทาง Facebook และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด” ผอ. สสว. ระบุ

โดยในปีนี้มีผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ และโดดเด่นหลายราย เช่น Pinn ทิชชูไร้ขยะ ทิ้งลงชักโครกได้ ไม่อุดตัน ย่อยสลาย ลดการแพร่เชื้อ ลดกลิ่นในห้องน้ำ ลดขั้นตอนและค่าใช่จ่ายสิ้นเปลืองการกำจัดขยะ ผลิตจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล ลดการตัดต้นไม้ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  บริษัท กรีนเนอร์เซนส์ จำกัด ผ้าอนามัยเส้นใยไผ่ ช่วยต่อต้านการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ยืดหยุ่นสูงและซึมซับน้ำได้ดี พร้อมช่วยระงับกลิ่นเหงื่อ ช่วยระบายอากาศได้ดี แห้งสบายเร็วกว่า และย่อยสลายได้ง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

หจก. นัทชา โกลเบิล น้ำพริกเนื้อปลาแซลมอน ผลิตจากเนื้อปลาแซลมอน ผสม หอม พริกและใบมะกรูดทอด  Yummyyum​ ข้าวกรอบแหนมสด ยำแหนมแพ็คสำเร็จรูปสะดวกพร้อมรับประทาน  ภัครา เพอร์เฟค ไวท์ ออร์แกนิค เซรั่ม ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่มีริ้วรอย ใบหน้าหมองคล้ำ ให้แลดูกระจ่างใส  Farmer Gac  วิตามินบำรุงสายตา ป้องกันจอประสาทตาเสื่่อม ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ  เพิ่มภูมิคุ้มกันหลักให้ร่างกาย ผลิตจากผงฟักข้าว 100% และภูมิจิต คาเฟ่ สาขาเสาชิงช้า ร้านขนมไทยซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ ขนมทุกชิ้นจะใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เมื่อคนรับประทานขนมเข้าไป จะเสพได้ทั้งความสวยงามจากตา ความหอมจากกลิ่น และความอร่อยจากรสชาติ กลิ่นอบควันเทียนซึ่งเป็นอีกหนึ่งหัวใจของการทำขนม พร้อมปรับรูปแบบขนมให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น

“ในการจัดงาน Early Stage Market Fair ทุกครั้งที่ผ่านมา จะจัดที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทดสอบตลาดผ่านประสบการณ์จริง และได้รับข้อติชมจากลูกค้าโดยตรง เพื่อนำไปปรับปรุงสินค้า และบริการ แต่จากการระบาดของโควิด-19 สสว. จึงได้ปรับกิจกรรมนี้จัดในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการให้ผู้ประกอบการได้มีประสบการณ์จริงจากการค้าออนไลน์ และนำข้อบกพร่องมาหารือกับผู้เชี่ยวชาญให้สินค้าและบริการได้รับการตอบรับจากตลาดออนไลน์ที่ดีขื้น ทำให้ SME ที่ผ่านโครงการนี้ต่อยอดและเดินหน้าทำการค้าได้จริงในภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้” นายวีระพงศ์ กล่าว

GAC AION ขนที่สุดของซูเปอร์คาร์รถไฟฟ้า Hyper SSR ขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม.ต่อชั่วโมง ภายในเวลา 1.9 วินาที ให้ผู้ขับได้สัมผัสแรงกระชากในระดับ 1.7 G ในงาน Motor Expo 30 นี้

                 GAC AION  มาเหนือเมฆขนขุมพลังแห่งรถไฟฟ้า 100% ระดับไฮเอน Hyper SSR ด้วยขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม. ต่อชั่วโมง ภายในเวลา ...