วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก เป็นประธานน้อมถวายธรรมมาสน์ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก เป็นประธานน้อมถวายธรรมมาสน์ 

ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร



พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. เป็นประธานน้อมถวายธรรมมาสน์ปาฏิโมกข์ แด่ ท่านเจ้าอาวาสและคณะพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ

กราบอนุโมทนาในมหาบุญ มหากุศลร่วมกันเพื่อความสวัสดิมงคลและความสุขสวัสดี สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง อีกทั้งสมปรารถนา เจริญในธรรมเสริมอริยทรัพย์ ยิ่งๆ ขึ้นไป

















วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีลาสิกขาบทแก่ ท่านสุภกิต เจียรวนนท์

สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม 

เป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีลาสิกขาบทแก่ ท่านสุภกิต เจียรวนนท์


เช้านี้ (อาทิตย์ ๒๘ มิ.ย. ๖๓) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ)  เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก - กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีลาสิกขาบทแก่ หลวงพี่กิต’ (ท่านสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด) เบื้องหน้าพระพุทธทศพลญาณ (หลวงพ่อโต) องค์พระประธานในพระอุโบสถ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ

ด้วยมหาบุญแห่งการครองสมณเพศใต้พระบรมโพธิสมภารร่มกาสาวพัสตร์แห่งการอุปสมบทครั้งนี้ โปรดดลบันดาลประทานพรแด่ ‘ท่านสุภกิต เจียรวนนท์’ และครอบครัว เจริญด้วยอายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล วิบุลศุภผลมโหฬารธนสารสมบูรณ์ ปรากฏยิ่งยืนนาน ตลอดจิรัฏฐิติกาล เทอญ

กราบอนุโมทนาในมหาบุญ มหากุศล อันเป็นมงคลฤกษ์ยิ่งในครั้งนี้ร่วมกันครับ สาธุ

























ทีเซลส์,ควอลิตี้ พลัส เอสเทติค และฟินิกซิคท์ ทำข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนา เมลบี แพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของประเทศไทย

ทีเซลส์,ควอลิตี้ พลัส เอสเทติค และฟินิกซิคท์  

ทำข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนา เมลบี แพลตฟอร์ม

สนับสนุนอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของประเทศไทย




ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเซลส์ (TCELS) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ บริษัท ควอลิตี้ พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ฟินิกซิคท์  จำกัด ทำข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนา MELB (เมลบี) แพลตฟอร์ม โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของประเทศไทย



เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ดร.ศิรศักดิ์ เทพาคำ รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) ร่วมกับ นายอัษฎา เทพยศ ประธานบริษัท ควอลิตี้ พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ HongSin KWEK ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท สินวัฒนา จำกัด ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มเมลบี ณ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) โดยการลงนามข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กับบริษัท ควอลิตี้ พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีสุขภาพและความงาม และ บริษัท ฟินิกซิคท์ จำกัด ซึ่งถือเป็นความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ภายใต้ แพลตฟอร์มเมลบีที่มุ่งหวังให้เกิดการระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่สร้างขึ้นมานั้นจะนำมาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดีขึ้น



โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มให้เป็นศูนย์กลางในการประสานการระดมทุนระดับโลก ระหว่างนวัตกร นักวิจัย นักประดิษฐ์ นักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ให้การบริจาค แพลตฟอร์มเมลบี คือกลไกที่เป็นทางเลือกใหม่ในการส่งเสริมแหล่งทุนให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม​ เพื่อต่อยอดผลงานวิจัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการต้นแบบอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น แพลตฟอร์มเมลบีมีความมุ่งหวังที่จะช่วยสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือกรณีที่เกิดวิกฤต การขาดแคลนสิ่งของตลอดจนเงินทุน โดยจะใช้รูปแบบการรับบริจาคสิ่งของหรือระดมทุนเพื่อนำมาสร้างเป็นเทคโนโลยีเพื่อนำไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะยาวเพื่อความยั่งยืน


โดยนายวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการบริษัท ควอลิตี้ พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การร่วมลงนามในครั้งนี้จะเป็นการพลิกโฉมวงการ Life Science (วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต) ซึ่ง แพลตฟอร์มเมลบี จะเป็นแพลตฟอร์มที่นำพาอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามรวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ข้ามข้อจำกัดในด้านเงินทุน รวมถึงช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมขั้นสูง เทคโนโลยี นักวิจัยและนวัตกร ให้สามารถนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ใช้สร้างขึ้น ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ ตลอดจนช่วยเหลือผู้คนในสังคมที่มีความต้องการใช้ หรือขาดแคลนสิ่งต่างๆ ให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น



 





วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563

แกะซีลหนังสือใหม่ : ซ่อนรักปถวี , กรงรักทัณฑ์เสน่หา , อ๋องใหญ่…จวนสิบสี่ , สวาทร้ายเจ้าชายทรราช , ไฟพิศวาส ซีรีส์ Moments in Love , ข้ามฟ้ามาเจอรัก , ถ่อย , นกหงส์หยกข้าใครอย่าหมาย , เมียเก็บ , ทาสรักจอมทมิฬ (ตอนพิเศษ)



แกะซีลหนังสือใหม่




ซ่อนรักปถวี นามปากกา พลอยแก้ว

รูปแบบทำมือ - อีบุ๊ก

 ปถวี นรเศรษฐ์ไพศาล เขาคือผู้ชายที่มีความหนักแน่น ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่สุดแสนจะเย็นชา เป็นสถาปนิกมากฝีมือ เบื้องหลังที่ไม่มีใครเคยรับรู้ 'มาเฟีย' ผู้เย็นชาในแถบมาเก๊า เขามองทุกอย่างออกได้โดยง่าย

 ผู้หญิงที่รักมากมายหายไปจากความทรงจำ ปมหัวใจที่เลือนหาย อันตรายที่เธอจะได้รับ และเขาจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องเธอ...

 

 

 

กรงรักทัณฑ์เสน่หา นามปากกา เฌอรามิล

รูปแบบทำมือ - อีบุ๊ก

 เขา...ขังเธอไว้ในกรงหัวใจ ซ่อนเก็บเอาไว้เพียงเพื่อบำเรอเสน่หา เธอเปรียบเสมือนนกน้อยไร้รัง ต้องเปียกปอนลมฝนหนาวสั่นร่อนแร่จวนใจจะขาด แล้วจู่ ๆ ใครบางคนก็อ้าแขนต้อนรับแบ่งปันความอบอุ่นให้ เธอจึงไม่รอช้าที่จะโผเข้าสู่อ้อมกอดนั้นอย่างเต็มใจ เขาคือแสงสว่าง คือคนที่ฉุดหล่อนขึ้นมาจากความเดียวดายอ้างว้าง และเป็นความสวยงามของชีวิตที่เหลืออยู่

 เธอทุ่มเท...เธอทุ่มใจ ยอมทุกอย่างเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของเขา โดยไม่เคยระแวงเลยว่า เธอไม่ใช่ตัวจริง...เมื่อใครอีกคนของเขากลับมา...เธอและลูกในท้องก็ไม่ได้เป็นที่ต้องการอีกต่อไป ทุกอย่างพังครืนลงพร้อม ๆ กับหัวใจดวงน้อยที่แตกสลายไม่เหลือชิ้นดี จนไม่อยากเชื่อเลยว่า ผู้ชายที่เคยฉุดหล่อนขึ้นมาจากขุมนรกอันดำมืด กับคนที่ผลักไสหล่อนให้จมลงสู่หุบเหวอันเลวร้ายยิ่งกว่า...ก็คือคนคนเดียวกัน!

 


 

อ๋องใหญ่…จวนสิบสี่ นามปากกา ณิการ์

รูปแบบอีบุ๊ก

 การข้ามมิติของ ซู่หลิงเถียน ในครั้งนี้ทำให้เธอได้พบกับ อ๋องใหญ่ หรือ จ้าวซ่านลู่ อ๋องผู้มีความคิดหื่นตลอดเวลา และแน่นอนว่าเธอจะไปไหนได้เมื่อเขาหมายปองเธอไว้แล้ว ความงามและนิสัยแปลก ๆ ของเธอทำให้เขาไม่อาจมองข้ามได้ ยิ่งนับวันยิ่งหลงรักแม่หญิงประหลาดที่มาจากที่ใดตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้....

 “อือ...ปล่อยข้านะจ้าวซ่านลู่”

  “ไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าจะเป็นของข้า และคืนนี้ข้าจักไม่ปล่อยเจ้าได้นอนหลับเหมือนทุกคืนแล้วเถียนเถียน ข้ามิอาจใจเย็นนอนมองแผ่นหลังเจ้าได้เหมือนทุกคืนที่ผ่านมาได้อีกแล้ว” เขาเกยคางไปกับไหล่เล็กของเธอพร้อมกับหันหน้าแนบถูปลายจมูกโด่งไปกับซอกคอระหงของซู่หลิงเถียน

  “อือ...อย่าทำแบบนี้จ้าวซ่านลู่ ข้ายังไม่พร้อม”

เดี๋ยวข้าทำให้เจ้าพร้อมเองเถียนเถียน”

 

 


 สวาทร้ายเจ้าชายทรราช นามปากกา กันต์ระพี

รูปแบบอีบุ๊ก

ต่อไป...ห้ามพูดว่าข้าไม่รักเจ้าอีก”

เสียงหวาน ๆ ท้วงทวงสัญญาไม่ต่างจากกระซิบ สะเทิ้นอาย เมื่อครู่...หล่อนเป็นฝ่ายแสดงความรักกับเขาก่อน ครั้นเห็นนัยน์ตาคมแลกรุ้มกริ่มคู่นั้นมองมาอย่างล้อเลียน ดวงหน้าซับสีเลือดก็ร้อนผ่าว อายหนักเป็นสองเท่า เมื่อได้ยินเขาพูดว่า...

ข้ารู้แล้ว ข้าไม่พูดอีกแล้วยอดรัก แต่จะบอกรักเจ้าทุกวันคืน ข้าจะยอมให้เจ้าอยู่เหนือร่างในบางครั้ง แต่ตอนนี้...ข้าขอทำหน้าที่นั้นแทน”

รัซตาบานรั้งร่างนุ่มเหนือกายแกร่งลงนอนราบ บดจูบกลีบปากอิ่ม สุขใจนักหล่อนมอบรักหวานล้ำให้เขาในคืนเข้าหอ...

 

 

 

ไฟพิศวาส ซีรีส์ Moments in Love นามปากกา นารี

รูปแบบอีบุ๊ก

  “ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเรื่องระหว่างเราเป็นความลับ... เป็นความลับ! เธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเรอะ ถึงโผล่มาที่บ้านท่ามกลางพี่น้องฉันอย่างนี้ฮึ”

  เกเบรียลต่อว่าเฌอปรางทันทีที่ทั้งสองเข้ามาอยู่ในบ้าน

  “เฌอแค่เอาเงินมาจ่ายหนี้ให้คุณเกบแล้วก็จะรีบกลับทันที...”

  หญิงสาวยื่นเช็คที่มีตัวเลขเท่าจำนวนในใบสัญญาให้ชายหนุ่มที่มีท่าทางนิ่งอึ้ง...

  เป็นไปได้อย่างไรวะ เธอนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เก็บหอมรอมริบมาลงทุนกับร้านเพ็ทเอเดนหมดแล้วนี่หว่า แล้วตลอดหนึ่งปีที่เปิดกิจการมันไม่มีทางที่เธอจะเก็บเงินได้มากเกือบหนึ่งล้านบาทเช่นนี้ด้วย

  “เรอะ... แล้วเธอไปเอาเงินเกือบล้านนี่มาจากไหน” เขายังไม่ยอมรับ

  “เฌอไปกู้มา...”

  “กู้เงินจากที่อื่นมาให้ฉันเนี่ยนะ คิดได้ไงยัยเซ่อ เอาไปคืนเจ้าของซะ เพราะคนที่เป็นเจ้าหนี้เธอได้ในโลกนี้มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้น!”

 

 

 

ข้ามฟ้ามาเจอรัก นามปากกา พลอยแก้ว

รูปแบบทำมือ - อีบุ๊ก

  เมื่อขอบฟ้าที่กว้างใหญ่ ขอบแดนที่อยู่ไกลคนละฟากฝั่งของโลก แต่กลับเหมือนมีแรงดูดให้คนที่อยู่แสนไกลนั้นต้องมาเจอกัน...

 "นี่ยัยนกแก้ว" ดรูฟ เอ่ยถามเมื่อนั่งอยู่ในรถ หลังจากหนังที่ฉายนั้นจบลง เตรียมมุ่งตรงกลับบ้านของใครของมัน

 "อะไร" หนูซีนย้อนถาม

 “เมื่อไหร่เธอจะรับรักฉัน" ดรูฟหันหน้านิ่ง ๆ เอ่ยถาม สายตาสบจ้องมองหนูซีนอย่างรอคำตอบ

  "นายมีอะไรดี ที่ฉันต้องรับรักนาย" หนูซีนนั่งกอดอกมองหน้าดรูฟ แล้วย้อนกลับในคำถามนั้น

  "อืม.....ก็....มีดีแค่เอว นอกนั้นเลวหมดเลย"

 

 


 ถ่อย นามปากกา ยักษ์(ณิการ์)

รูปแบบอีบุ๊ก

 “เด็กนี่เด็กใหม่เหรอวะไอ้ช้อย” เสียงทุ้มเหี้ยมกรอกส่งมาในสายทันทีที่ลูกน้องมือขวากดรับสาย

  “ครับคุณยักษ์”

พามาห้องกูซิ กูอยากทดสอบของกำนัลชิ้นใหม่” ปากหนาสั่งการผ่านโทรศัพท์พร้อมจ้องจอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดบนโต๊ะทำงานตัวเอง

  คนหน้าตึงคิ้วดกหนา ดวงตาสีทมิฬ จมูกโด่งเป็นสันตามแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งไทย-สเปน ใบหน้าดุดันแต่โคตรเถื่อนได้ใจสาว ๆ ที่พบเห็นสุด ๆ มุมปากหยักยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะวางโทรศัพท์ในมือไว้แล้วคว้าซองบุหรี่มาจับไว้แทน

 ฮือ ๆ ๆ “คนไร้หัวใจ คนเลว หนูเกลียดคุณ ได้ยินไหมคุณยักษ์ หนูเกลียด อึก! ฮือ ๆ ๆ”

  “แม่งเชี้ย! มึงว่ากูรักมึงรึไง มึงก็แค่มีรูให้กูปลดปล่อยเท่านั้นแหละ หยุดร้องได้แล้ว รำคาญเว้ย! อีกอย่างถ้ายังไม่อยากมีหลายผัวก็หยุดร้อง แต่ถ้าอยากมีหลายผัวก็ร้องดัง ๆ กูจะส่งมึงไปบำเรอคนในกาสิโน”

 

 

 

นกหงส์หยกข้าใครอย่าหมาย นามปากกา เหม่ยหลิน

รูปแบบอีบุ๊ก

 เกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้เป็นเมียองค์รัชทายาท ในเมื่อชาตินี้มีโอกาส คนที่ทะลุมิติมาเป็นนกหงส์หยกในตอนกลางวัน กลางคืนเป็นสาวผู้เลอโฉม ธิดาดอย หรือ เหมย จึงไม่พลาดโอกาสทองจับองค์รัชทายาทเป็นผัว เอ๊ย! ไม่ใช่ เป็นเมียองค์รัชทายาทถึงจะถูก

  “เฮ้ย!” องค์รัชทายาทร้องดังลั่น มองนกหงส์หยก เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้กลายเป็นสตรีที่มีความงามล้ำเลิศ สรีระทรวดทรงงดงามไม่แพ้กัน มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เรียกเลือดลมให้เดือดพล่าน ส่วนกรงนกก็พังเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย

  “ว้าย!” ธิดาดอยหรือเหมยตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่าร่างกายของตนปราศจากเสื้อผ้า และตอนนี้ตกอยู่ในสายตาของหนุ่มรูปงาม ที่ตอนนั้นตนเป็นนกกำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ พอเห็นความงามของบุรุษที่นั่งอยู่ในศาลา เธอก็รีบบินลงมาเกาะบนขอบไม้มองดูความหล่อของเขาในระยะใกล้

  “เจ้า...เจ้าทำไมถึงเป็นคน”

  เออนั่นสิ ทำไมถึงเป็นคนได้หว่า จำได้ว่าเป็นนกหงส์หยกนี่นา

 

 

 

เมียเก็บ นามปากกา กันต์ระพี

รูปแบบอีบุ๊ก

 หญิงแพศยากำพืดต่ำ!

หนามยอกอกน้องสาวที่สมควรกำจัดให้พ้นทาง แต่มันกลับย้อนมาทิ่มแทงใจเขาให้ต้องปวดร้าว แสนชิงชัง แต่กลับหลงใหลในวังวนเสน่หา ใต้คำครหาที่หยามเหยียดว่า...กินน้ำใต้ศอกเพื่อนสนิท!

 

 

 

ทาสรักจอมทมิฬ (ตอนพิเศษ) นามปากกา เฌอรามิล

รูปแบบอีบุ๊ก (ฟรี)

  ตอนพิเศษ เพื่อสมนาคุณให้โหลดฟรี สำหรับท่านที่มีเล่มใหม่ทั้งรูปเล่มและอีบุ๊กจะมีตอนพิเศษนี้อยู่ในเล่มแล้ว สาเหตุที่ไม่ทำตั้งแต่แรก เพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่พอมีเสียงเรียกร้องมาก็จัดให้ตามคำขอค่ะ

 

 


ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พระเครื่องพระกรุฯ ร้องขอความเป็นธรรม

ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พระเครื่องพระกรุฯ ร้องขอความเป็นธรรม




                      เจ้าของพิพิธภัณฑ์พระเครื่องพระกรุฯ ร้องสื่อถูกเจ้าหน้าที่รัฐหลอกและรังแก เตรียมพร้อมทนายร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม  หลังปรึกษาผู้ใหญ่ต้องเดินหน้าในสิ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

                   นายภูมิฐิติพัฒน์อินทปัตย์  เทพหัสดิน  ผู้ก่อตั้งและเจ้าของพิพิธภัณฑ์พระเครื่องพระกรุและหยกจีนโบราณแกะสลัก ย่านฝั่งธน จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ทางด้านพระเครื่องพระกรุและเครื่องหยกโบราณ หลังจากเปิดให้คนได้เข้าชมและมาศึกษาหาความรู้ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชมด้านศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับของเก่าของโบราณ แต่ต่อมาได้มีนักธุรกิจรายหนึ่งนามว่า”อ”  ได้มาชวนทำธุรกิจใช้กลอุบายมาบอกจะช่วยให้มีรายได้เดือนละ 2-3 ล้านบาท ด้วยการเชิญชวนให้เปิดพิพิธภัณฑ์ที่ภูเก็ต แต่มีเงื่อนไขต้องเอาวัตถุโบราณเช่นหยกจีนโบราณแกะสลัก และพระเครื่องจำนวนมากมาให้เขาไปโชว์หรือแสดงก่อน ตนก็หลงเชื่อจึงเอาวัตถุโบราณดังกล่าวมีมูลค่ามหาศาลให้ไป แต่เมื่อให้ไปแล้วก็ไม่ได้ทำตามคำพูดที่บอกจะให้เดือนละ 2-3 ล้านจากการเอาทรัพย์สินหยกแกะสลักมูลค่าเป็น 100 ล้านบาท แต่ให้มาเพียง 2 ล้านกว่าบาทเพียงครั้งเดียว แล้วนาย ”อ” ยังไปแจ้งความว่าข้าพเจ้ากับภรรยาร่วมกันฉ้อโกงอีก

                        เรื่องดังกล่าวข้าพเจ้าจึงได้ไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมถึง รมต.กระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองและเสรีภาพ ประสานเชิญนักธุรกิจนามสมมุติที่ชื่อว่านาย”อ” มาไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทกันที่กรมคุ้มครองสิทธิฯและทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะนำเงินและทรัพย์สินมาแลกเปลี่ยนกัน ณ กรมคุ้มครองสิทธิ แต่ปรากฏว่านาย”อ” ไม่มีทรัพย์สินมาคืนให้แก่ข้าพเจ้า ส่วนข้าพเจ้ามีเงินพร้อมที่จะคืนให้แก่นาย”อ”

                         ระหว่างนั้น ข้าพเจ้าได้พยาพยามร้องขอความเป็นธรรมต่อจนท.ตร. สน.ทองหล่อ ยศพันตำรวจโทนามว่า”อ.”แต่คดีก็ไม่ได้คืบหน้าจึงได้ไปร้องทุกข์ต่อผกก.สถานีขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนที่ข้าพเจ้าไปร้องทุกข์แจ้งความไว้ และก็ได้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่คดีคืบหน้า  แต่หลังจากนั้นไม่ได้นานก็มี่คำสั่งให้จนท.ตร.คนเดิม ยศพันตำรวจโทนามว่า”อ.”กลับมารับผิดชอบในคดีนี้อีก

                         ซึ่งจนถึงขณะนี้ข้าพเจ้ากลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องดังกล่าว จึงปรึกษาทนายและไปร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางฯ ในข้อหาปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้วเมือวันที่ 23 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา และเตรียมไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมด้วย  เพราะเราถูกหลอกเอาของไปแล้ว ไม่คืนแล้วยังมากลั่นแกล้งตัวเองอีก.



 



เปิดปก…อกนักเขียน : “นับดาว” – “รดา ศิลปะจิตต์”

 เปิดปก…อกนักเขียน

จ้าวหัวใจจอมทัพ”ผงาด สร้างชื่อ“จอมทัพไร้พ่าย”ให้นักเขียนสะบัดพู่กันแนวนี้ต่อ




 จอมทัพไร้พ่าย” สมญานามทรงเกียรติของ หยางเฟรหรง เรื่องราวความรักที่มีด้ายแดงผูกใจสองดวงไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ระหว่างจอมทัพไร้พ่ายกับองค์หญิงเจ็ด ในนิยายจีนโบราณเรื่อง“จ้าวหัวใจจอมทัพ” ผลงานของ “นับดาว” หรือตัวจริงคือ รดา ศิลปะจิตต์ หรือ ดา ที่ร่ายพู่กันกับเรื่องราวขององค์หญิงเจ็ดได้หนีการหมั้นหมายระหว่าง เหวินเหรินหลีเจี๋ย หรือ องค์ชายปีศาจ ที่สุดท้ายก็รู้ใจตัวเองว่า แท้จริงเขารักองค์หญิงแปด (ชอบคู่นี้ที่สุด) องค์ชายปีศาจดิบเถื่อน ร้ายโดนใจ(หรือเราซาดิสม์เนี่ย) สำหรับนักอ่านที่เพิ่งอ่านนิยายจีนเรื่องนี้เรื่องแรกตัวละครเยอะมาก แนะนำให้หากระดาษมาจดชื่อตัวละครเรียงเป็นคู่ ๆ ไม่งั้นงง ถือเป็นนิยายจีนที่ถ่ายทอดให้หวนนึกถึงหนังจีนกำลังภายในกับฉากต่อสู้บนหลังมา ก่อนเปลี่ยนมาฟาดฟันด้วยดาบ นักเขียนเขียนออกมาเห็นภาพชัดเจน ส่วนฉากพลอดรักก็น่ารักตามประสานิยายจีนที่นำเสนอได้แค่ไหนแค่นั้น ไม่หวือหวาจัดจ้าน กำเดากระจายเหมือนนิยายไทย พล็อตเรื่องนี้สอดแทรกความรักของทุกตัวละคร บางตัวแฝงความโลภในอำนาจ หากความรักชาติบ้านเมืองก็เหนือเรื่องส่วนตัว เช่นจอมทัพไร้พ่ายกว่าจะเสร็จศึก เสร็จภารกิจก็ปล่อยให้นางเอกรอนานจนคลอดลูกชาย เป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วเพลิดเพลิน มีบ้างหมั่นไส้นางยั่วเมืองแต่หัวใจของหยางเฟรหรงก็ไม่ไขว้เขว แม้มีหญิงมาแก้ผ้าต่อหน้าเขาก็รักมั่นฮุหยินเพียงคนเดียว จากความสำเร็จเรื่องนี้นักเขียนสะบัดปลายพู่กันเรื่องต่อไปในรูปแบบอีบุ๊กที่คว้าโบแดงเพียงวางขายไม่กี่วันเรื่อง“พันหมื่นดารา เมฆาเร้นใจ” ปกสวยมาก และจะมีเรื่องต่อไปกำลังเขียนอยู่ โดยนับเปิดอกพูดคุยอย่างหมดเปลือกว่า

 สวัสดีค่ะ...รดา ชื่อเล่น ดาค่ะ แต่เพื่อน ๆ มักเรียกกันติดปากว่า นับ ค่ะ ปัจจุบันนับมีงานประจำอยู่แล้วค่ะ เขียนนิยายเป็นงานอดิเรกเท่านั้น เพียงแต่ว่าอาจจะดูจริงจังกว่างานหลักนิดนึง (หัวเราะ) ตั้งแต่เขียนนิยายจริงจังมาได้ปีกว่า ๆ ใช้นามปากกานับดาวนามเดียวค่ะ แต่ว่านามปากกานี้ดันไปซ้ำกับนักเขียนท่านหนึ่ง นับก็เลยเปลี่ยนเป็น พราวเดือน ในการเขียนนิยายไทย และนามปากกา จิ่วซานหลิง สำหรับเขียนนิยายจีนค่ะ

   ตอนนี้นับกำลังลองเขียนนิยายให้ได้หลาย ๆ แนวค่ะ แต่แนวถนัดก็คงจะเป็นแนวรักหวานแหวว โรแมนติกคอมเมดี้ ไม่นานมานี้เพิ่งได้ลองเขียนนิยายรักจีนโบราณ  อ้อ...แนวโรมานซ์ก็เขียนนะคะ สำหรับแรงบันดาลใจของนับมีเยอะมากเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเกิดจากการได้อ่านนิยายหรือได้ดูซีรีส์ เรื่องราวบางเรื่องที่ได้พบเห็นมาก็สามารถจุดประกายได้เหมือนกันค่ะ  นิยายเรื่องแรกที่เผยแพร่สู่สายตาสาธารณชนเป็นนิยายรักโรแมนติก ชื่อเรื่อง just one night ตกกระได(หัวใจ)พลอยรัก เรื่องนี้จะออกแนวไบโพล่าร์นิด ๆ เดี๋ยวฟินเดี๋ยวเศร้า ผลตอบรับจากผู้อ่านก็ถล่มทลายเลยค่ะ ยอดวิวในเด็กดีห้าหมื่นกว่า ในรี้ดอะไรท์ประมาณแสนห้า ตามมาด้วยเสียงบ่นจากรี้ดว่าไรต์ชอบเขียนให้ขัดใจค่ะ (ฮา) เรื่องนี้นับลงให้เพื่อน ๆ อ่านจนจบแล้วค่อยทำอีบุ๊กออกมาในภายหลังค่ะ สำหรับนับถือว่าเรื่องแรกก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งนะคะ ภูมิใจมากค่ะ ถามว่าที่ผ่านมานับเขียนนิยายกี่แนว ขอนับดูแป๊บนะคะ อืม...แทบไม่ซ้ำเลยค่ะ มีทั้งนิยายรักโรแมนติกแนวนอร์มอล นิยายพีเรียดไทยแนวข้ามภพข้ามชาติ ส่วนโรมานซ์ที่เขียนก็มีทั้งอิโรติกดราม่าและอิโรติกคอมเมดี้ค่ะ แล้วก็ล่าสุดกำลังเขียนนิยายจีนโบราณอยู่ค่ะ ส่วนแนวที่ไม่ถนัดแต่อยากลองแต่งดูก็คือดราม่า ที่อ่านแล้วตับพังตาบวม หรือไม่ก็แนวสืบสวนสอบสวนค่ะ อ้อ...แนวผี ๆ ก็น่าสนุกนะคะ



  จากเริ่มเขียนนิยายไทยก็ไม่เชิงว่าเปลี่ยนแนวเขียนหรอกค่ะ แค่อยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่ท้าทายความสามารถมากกว่า พอดีว่าช่วงหลัง ๆ มานับมีโอกาสได้อ่านนิยายจีนแปลบ่อยขึ้นแล้วชอบ ก็เลยเกิดแพสชั่นอันแรงกล้าขึ้นมา จากนั้นพล็อตก็เด้งมาเองเลยค่ะ พลุ่งพล่านมากจริง ๆ (หัวเราะ) ก็เลยต้องระบายออกด้วยการเขียนค่ะ ซึ่งนิยายจีนเรื่องแรกที่เขียนก็คือ จอมทัพจ้าวหัวใจ  นามปากกา นับดาว ซึ่งผลตอบรับจากนักอ่านก็เป็นที่น่าพอใจมากกก ประกอบกับได้รับการติดต่อจาก สำนักพิมพ์เฟยฮุ่ย ว่าอยากตีพิมพ์เรื่องนี้เป็นรูปเล่ม ก็เลยกลายเป็นว่าติดใจนิยายจีนไปเลยค่ะ(หัวเราะ) แต่นิยายไทยนับก็ยังไม่ทิ้งนะคะ เพราะหลังจากต้นฉบับนิยายจีนเรื่องแรกเสร็จเรียบร้อยดี นับก็พักสมองด้วยการเขียนนิยายแนวอิโรติกคอมเมดี้เป็นการผ่อนคลาย แถมยังขายเป็นอีบุ๊กได้เพลิน ๆ อีกด้วยค่ะ  ในส่วนของการค้นคว้าข้อมูลเขียนนิยายจีนคิดว่ายากคนละแบบค่ะ นิยายไทยถ้าเราจะเขียนอิงประวัติศาสตร์หรือจะเขียนในเรื่องที่เราไม่รู้จริงก็ต้องค้นคว้ามากหน่อย ส่วนนิยายจีนที่ยากกว่าก็คือเรื่องของภาษา การตั้งชื่อคนก็ต้องละเอียดกว่านิยายไทย เพราะเราไม่รู้คำแปลทั้งหมด ยิ่งถ้าเป็นจีนอิงประวัติศาสตร์นี่ยิ่งยากไปใหญ่เลยค่ะ ก็เลยไม่คิดจะเขียนอิงประวัติศาสตร์เลยค่ะ จะชอบตั้งแคว้นใหม่ ตั้งกฎเกณฑ์เองใหม่หมดเลย ทำให้การเขียนง่ายขึ้นเยอะค่ะ (หัวเราะ) นิยายจีนปัญหาคือชื่อจำยาก ภาษายาก ตรงนั้นนับก็พยายามตั้งชื่อที่มันไม่ได้แปลกประหลาดพิสดารจนเกินไปค่ะ เอาแบบที่อ่านง่ายเขียนง่าย ส่วนใหญ่จะใช้ชื่อที่ตัวเองคิดว่าอ่านออกเสียงแล้วไพเราะ ฟังแล้วรื่นหูค่ะ  หากถามความต่างเด่นชัดระหว่างนิยายไทยกับจีน ที่เห็นชัด ๆ ก็คือสำนวนภาษาค่ะ นิยายจีนจะต้องมีการใช้คำหรือสำนวนจีนบางอย่างแทรกเข้ามาให้ผู้อ่านอ่านแล้วสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นหนังจีนอ่ะค่ะ (ฮา) แต่ถ้าเป็นนิยายไทย นับจะปล่อยฟรีสไตล์มากกว่า อยากเขียนอะไรก็ใส่โลดค่ะ  ณ วันนี้กระแสนิยายจีน วายมาแรง จีนนับเขียนแล้วส่วนวายนั้น อืม...ก็อยากลองเขียนดูเหมือนกันนะคะ แต่ต้องลองเสพงานวายดูก่อนว่าจะเกิดแพสชั่นไหม เพราะสำหรับนับแล้ว แพสชั่นสำคัญที่สุดค่ะ ถ้าไม่มีคือจบ ไม่ว่าจะเข็นยังไงก็ไปไม่รอด



  ตอนนี้นับมีลูกตัวน้อยทำให้เวลาเขียนนิยายลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ(หัวเราะ) เพราะช่วงลาคลอดนับเลี้ยงลูกเองคนเดียว วันวันหนึ่งก็หมดไปกับการวุ่นวายอยู่กับเจ้าตัวเล็ก โดยเฉพาะช่วงเดือนแรกเหนื่อยมากกกกก แต่พอเดือนต่อมาอะไร ๆ เริ่มเข้าที่ ก็กลับมาเขียนนิยายต่อเลยค่ะ ก็อาศัยช่วงที่น้องนอนกลางวันในการเขียน ถึงแม้จะได้ไม่เยอะแต่ก็มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก  กับคำถามเขียนนิยายทำเป็นงานหลักเลี้ยงได้ไหม ความรู้สึกนับมันก็ขึ้นชื่อว่างานแล้ว ถ้าเรามีความตั้งใจและเพียรพยายามจริง ๆ ก็น่าจะเลี้ยงตัวเราได้สบาย ๆ อยู่แล้วค่ะ เพียงแต่นับมองว่าการเขียนนิยายเป็นแค่งานอดิเรก นับมาทำงานตรงนี้เพราะใจรัก จึงยังไม่คาดหวังว่าจะต้องร่ำรวยจากการเขียนนิยาย ไม่ได้ซีเรียสเรื่องรายได้ที่จะได้รับจากมัน  แต่พอขายได้ก็ภูมิใจนะคะ เคยเอายอดเงินที่ขายอีบุ๊กได้ไปอวดสามี แต่นางบอกว่าไม่คุ้มค่าแรงหรอกค่ะ(หัวเราะ) การเขียนนิยายมีอยู่ที่ต้องตัน ตัวนับอันดับแรกเลย หาขนมอร่อย ๆ กินก่อนค่ะ ในตู้เย็นจะมีพวกช็อกโกแลตแท่งแช่ไว้เยอะแยะเลย จากนั้นก็ไปหาอย่างอื่นทำ ดูหนัง ฟังเพลง หรือไม่ก็ออกกำลังกาย พักงานเขียนไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวมันจะหายตันไปเองโดยปริยายค่ะ

   คำถามที่ว่านับเคยถูกก๊อปปี้นิยายไหม อาจจะเพราะนับเป็นนักเขียนหน้าใหม่มาก ๆ ๆ ก็เลยยังไม่เคยเจอกรณีก๊อปปี้ผลงานกับตัวค่ะ แต่มีเพื่อน ๆ นักเขียนด้วยกันที่โดนก๊อปให้เห็น ก็อยากฝากคนที่ชอบก๊อปนะคะว่า เลิกเถอะค่ะ กว่านักเขียนจะกลั่นกรองออกมาได้แต่ละประโยคคือต้องผ่านหนึ่งสมองและสองมือที่คุณเองก็มีเหมือนเรา ดังนั้นถ้าอยากมีผลงานที่น่าภูมิใจก็คิดเองเขียนเองดีกว่าเนอะ สบายใจดี  ส่วนผลงานที่มีตอนนี้ที่เขียนจบแล้วมีทั้งหมดแปดเรื่องค่ะ เรื่องที่ชอบที่สุดก็คือเรื่อง ‘บัวแก้วปรางขวัญ’ เป็นนิยายพีเรียดย้อนยุค เนื้อหา     ฟีลกู๊ดอบอุ่นละมุนใจ อ่านได้เพลิน ๆ ค่ะ นี่อ้างอิงมาจากรีวิวของนักอ่านนะคะ (หัวเราะ)  ส่วนที่ถามเรื่องนิยายแนวไหนไม่มีวันตาย นับว่านิยายรักนี่แหละค่ะ เพราะโลกเราหมุนด้วยความรัก อิอิ

 นิยายล่าสุดเรื่อง “พันหมื่นดารา เมฆาเร้นใจ” (ยินดีกับโบแดง) เป็นนิยายรักจีนโบราณ พล๊อตเบา ๆ หวาน ๆ  เรื่องนี้มีวางขายในรูปอีบุ๊กนะคะ นักอ่านท่านใดสนใจลองหาอ่านกันได้ (แน่ะ แอบเนียนโฆษณา อิอิ)  ในการเขียนนิยายนับไม่เคยตั้งเป้าหมายไว้เลยค่ะว่าจะต้องเขียนปีละกี่เรื่อง ว่ากันตามแพสชั่นและไฟที่มี ณ ขณะนั้นมากกว่าค่ะ หากนักอ่านต้องการติดตามนับดาวได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ นับดาวจอมเพ้อ ตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/NubdaoDreamerGirl/   สำหรับตอนนี้กำลังเขียนนิยายจีนโบราณเรื่อง ยอดหมอหญิงหัตถ์เทวะ สลับกับนิยายรักโรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง Bad guys ตัวร้าย...ที่รัก อยู่ค่ะ ส่วนจะเขียนเรื่องไหนมากเรื่องไหนน้อยก็แล้วแต่ความขยัน (ฮา) คิดว่าทั้งสองเรื่องจะลงขายในอีบุ๊กนะคะ ฝากติดตามผลงานของนับด้วยน้า”



 เฉลยคำถามนิยาย T.O.P :  อนุ…ยอดภรรยา สำนักพิมพ์เฟยฮุ่ย

 คำถามนิยายจีนโบราณของ “นับดาว” ออกกับสำนักพิมพ์คือเรื่อง?

ทราบคำตอบ เขียนชื่อ – ที่อยู่ และคำตอบให้ชัดเจน ลงไปรษณียบัตร ส่งมาที่

เปิดปก…อกนักเขียน

เลขที่ 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 

ผู้ตอบถูก 2 ท่าน ได้รับนิยายจาก พราวเดือน / จิ่วซานหลิง (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)

หมดเขตส่งคำตอบ 31 กรกฎาคม 2563

 


 



วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาฯและสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ชวนร่วมลุ้นนักการตลาดหน้าใหม่ ทีมไหนจะครองใจแบรนด์ยุคดิจิทัล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมมือกับ

กระทรวงการอุดมศึกษาฯและสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA)

 ชวนร่วมลุ้นนักการตลาดหน้าใหม่ ทีมไหนจะครองใจแบรนด์ยุคดิจิทัล


เข้าสู่รอบตัดสิน ในโครงการ U Power: Digital Idea Challenge” ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนนิสิต นักศึกษา ระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศร่วมแสดงความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยแนวคิดการประกวดแผนการตลาดที่เน้นการประยุกต์ใช้ Digital Technology โดยน้องๆ จะได้ทดลองปฏิบัติจริงตามแผนการตลาด จาก 8 โจทย์อุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ ซึ่งแต่ละทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย จะมีงบประมาณให้ทดลองทำการตลาดจริงทีมละ 20,000 บาท ร่วมลุ้นทีมไหนสามารถนำแผนเข้าสู่เป้าหมายครองใจตัวจริง

 



นางสาวกัลยา แสวงหาบุญ เลขาธิการสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย เปิดเผยว่า  “ “โครงการ “U Power: Digital Idea Challenge” จัดขึ้นโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) โดยในปีนี้มีนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขันกว่า 821 ทีม จาก59  มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่งทีมที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจะต้องเข้ามาอบรมกับวิทยากรผู้มีประสบการณ์จริงเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะต้องไปรับโจทย์จากองค์กรเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้น้องๆ เกิดไอเดีย ในการประยุกต์แผนการตลาดมาผนวกกับเทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างรอบด้าน

 

การแข่งขันในครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่นิสิต นักศึกษาไม่สามารถหาได้จากในห้องเรียน และเพื่อรองรับแผน พัฒนาตามยุทธศาสตร์ Digital Economy ของรัฐบาล เพราะปัจจุบันการตลาดดิจิทัล เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนในองค์กรธุรกิจมีความต้องการอย่างมาก ประกอบกับการแพร่ระบาดของ โควิด 19 ทำให้องค์กรเอกชนต้องปรับตัวมุ่งสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสการแข่งขันในเชิงการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการสร้างประสบการณ์ที่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้คิดแผนการตลาด และลงมือทำจริงจากโจทย์ของผู้ประกอบการ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยส่งเสริมจึงเป็นอีกโครงการที่จะเตรียมความพร้อมนิสิต นักศึกษา ที่จะได้ฝึกฝนทำงานจริง ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ในอนาคต

 



ที่สำคัญโครงการนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจเอกชน ที่เข้ามาสนับสนุน และให้โจทย์การทำงานจริงกับน้องๆ เช่น แบรนด์ SOLA , Himalaya , Wacoal และ Colly โดยผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีม จะได้รับโจทย์ความท้าทายจากองค์กรธุรกิจ และเป็นการเรียนรู้จากผู้ประกอบการจริง ในภาวะที่โลกของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงในการนำเทคโนโลยีมาใช้งาน และจะต้องนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการสื่อสารด้านดิจิทัล (Digital Marketing Objective and Strategy) พร้อมนำเสนอแนวทางการจัดทําแผนการดําเนินงาน ที่แสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ ที่มีความเป็นได้และใช้งานได้จริงซึ่งผลที่ได้จากโครงการนี้ นอกจากจะสร้างบุคลากรด้านการตลาดรุ่นใหม่แล้วองค์กรเอกชนที่เข้าร่วมก็จะได้เห็นถึงแผนการตลาดที่คนรุ่นใหม่คิด และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานขององค์กรได้อย่างเหมาะสม ถือเป็นการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนไอเดียระหว่างกัน เพื่อเสริมสร้างการทำงาน และความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ในอนาคต” นางสาวกัลยา  กล่าวและเพิ่มเติมว่า

 


โดยในรอบสุดท้าย จะมีทีมที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 12 ทีม และคณะกรรมการจะตัดสินว่าทีมไหนจะได้รับรางวัลชนะเลิศ ในวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563 เวลา 11.00 -12.30 น. ณ ห้อง Jubilee A-B ชั้น 11 โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ  โดยในวันประกาศผล และมอบรางวัล The Winner Award U Power Season 4 ทางโครงการได้รับเกียรติจาก นางสาวปิยนุช วุฒิสอน ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม และนางสาวกัลยา แสวงหาบุญ เลขาธิการสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) เป็นสักขีพยานในการมอบรางวัล พร้อมกับตัวแทนองค์กรเอกชนที่เข้าร่วมโครงการจาก บริษัท โซบิวตี้จำกัด ,บริษัท ดีเคเอสเอช(ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยวาโก้จำกัด (มหาชน) , บริษัท พัฒน์พลัส จำกัด  สำหรับทีมที่ชนะเลิศ จะได้รับทุนการศึกษา จำนวน 50,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับทุนการศึกษา จำนวน 40,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) รางวัล

รองชนะเลิศอันดับ 2 รับทุนการศึกษา จำนวน 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัลจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) และสุดท้าย รางวัลชมเชย 3 รางวัล รับทุนการศึกษา จำนวน 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDE) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)

 


โครงการ U Power: Digital Idea Challenge” จึงถือเป็นอีกเวทีที่จะบ่มเพาะนักการตลาดยุคใหม่ ที่สามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือ และแนวทางการทำงานด้านดิจิทัล ที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์  Digital Economy ของรัฐบาล ได้อย่างรอบด้าน และสามารถสร้างการแข่งขันบนเวทีธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ได้อย่างเท่าทันกับเทคโนโลยีในโลกอนาคต” นางสาวกัลยากล่าวสรุป

  

รายชื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 12 ทีม จาก 8 โจทย์อุตสาหกรรม

 1. แบรนด์ Sola :

- ทีม แมวเหมียว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2. แบรนด์ Himalaya :

- ทีม Leave it on us มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

- ทีม 4POWER จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

3. แบรนด์ Wacoal :

- ทีม PYP Cloud มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

- ทีม U So Cute มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

4. แบรนด์ Colly :

ทีม Mitr มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

5. แบรนด์ RII :

- ทีม บาบาบิ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโฒ

- ทีม Aiko มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

6. แบรนด์ Veldent :

- ทีม Unlimit มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

- ทีม Push Up มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

7. แบรนด์ Jula’s Herb :

- ทีม ชาลาลา ลาลา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

8. แบรนด์ Snowgirl :

- ทีม Red Panda มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 


 

รายชื่อคณะกรรมการตัดสิน โครงการ “U Power: Digital Idea Challenge ครั้งที่ 4th ”

คุณสุภาวดี ตันติยานนท์

อุปนายก สมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย

Founder Experience Matters Co., Ltd.

คุณขนิษฐา ตั้งวรพจน์วิธาน

กรรมการ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

Deputy Managing Director INTAGE (Thailand) Co., Ltd.

คุณโศรดา ศรประสิทธิ์

เลขาธิการสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย)

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริลเลียน แอนด์ มิลเลียน จำกัด

คุณภารุจ ดาวราย

กรรมการ สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย)

Managing Director ,Digitas

 

รายชื่อบริษัทเจ้าของโจทย์ที่เข้ารอบ

- บริษัท โซบิวตี้ จำกัด

- บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด

- บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน)

- บริษัท พัฒน์พลัส จำกัด

- บริษัท เพิ่มพูนพัฒนา อุตสาหกรรม จำกัด

- บริษัท เอ็นบีดี เฮลท์แคร์ จำกัด

- บริษัท เจแอลซี กรุ๊ป จำกัด

- บริษัท สยามเนเชอรัล โปรดักซ์ จำกัด

 




ทีมรองชนะเลิศ : ทีม Red Panda มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ทีมชนะเลิศ : ทีม Unlimit มหาวิทยาลัยเชียงใหม่






GAC AION ขนที่สุดของซูเปอร์คาร์รถไฟฟ้า Hyper SSR ขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม.ต่อชั่วโมง ภายในเวลา 1.9 วินาที ให้ผู้ขับได้สัมผัสแรงกระชากในระดับ 1.7 G ในงาน Motor Expo 30 นี้

                 GAC AION  มาเหนือเมฆขนขุมพลังแห่งรถไฟฟ้า 100% ระดับไฮเอน Hyper SSR ด้วยขุมพลัง 1,225 แรงม้า 0-100 กม. ต่อชั่วโมง ภายในเวลา ...